จระเข้ที่บึงสีไฟมีสภาพผอมโซ

จระเข้ที่บึงสีไฟมีสภาพผอมโซ เหตุเพราะป่วยจากการกินพลาสติกที่นักท่องเที่ยวโยนลงไปในบ่อ 

          ในโลกออนไลน์ของชาวจังหวัดพิจิตรได้มีการเผยภาพรูปจระเข้ตัวหนึ่งซึ่งมีรูปร่างลักษณะผอมโทรมเหมือนจระเข้ขาดสารอาหาร ทำให้คนที่พบเห็นจระเข้หลายคนนั้นต่างรู้สึกไม่สบายใจที่แม้แต่ตัวจระเข้เองนั้นก็ขาดอาหารจนทำให้มีรูปร่างผอมเหมือนจระเข้ไม่มีแรงดังนั้น จึงได้มีการแชร์ รูปจระเข้ที่ มีรูปร่างผอมโซนี้  ต่อๆกันไปเพื่อเป็นการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวนั้นเดินทางมาเที่ยวที่บ่อจระเข้ที่มีการเลี้ยงเอาไว้ที่บึงสีไฟโดยหวังว่า ถ้านักท่องเที่ยวมาให้อาหารจระเข้

ก็จะทำให้พวกมันนั้นกลับมาอ้วนท้วนสมบูรณ์เหมือนเดิมอย่างไรก็ตามเมื่อมีการแชร์ข้อความนี้ออกไปหลายคนนั้นก็พากันสงสารจระเข้กันเป็นอย่างมากโดยบางคนถึงขนาดออกมาพูดว่าชาวบ้านเดือดร้อนไม่มีเงินจะกินข้าวขนาดจระเข้ก็ยังไม่มีอาหารกินจนถึงขนาดกับผอมแห้งเลยทีเดียวซึ่งอย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้เจ้าหน้าที่ประมงพี่ทราบเรื่องราวจากการแชร์ในครั้งนี้ได้ลงไปดูพื้นที่ในเขตบึงสีไฟ

โดยมีพบเห็นจระเข้จำนวนมากที่มีร่างกายผอมแต่จะมีจระเข้อยู่ตัวหนึ่งที่ผอมมากกว่าจระเข้ตัวอื่นเป็นพิเศษจึงได้จับจระเข้ตัวดังกล่าวนั้นจะทำการตรวจสอบปรากฏว่าเมื่อมีการตรวจภายในร่างกายจระเข้ตัวดังกล่าวนั้นพบว่ามีถุงพลาสติกเป็นจำนวนมากอยู่ในท้องของจระเข้จึงทำให้ได้มีการออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่าจระเข้ตัวดังกล่าวนั้นไม่ได้เกิดจากการอดอาหาร

แต่เกิดจากการที่มันกินพลาสติกเข้าไปในท้องเป็นจำนวนมากและพลาสติกไม่ย่อยจึงทำให้มันนั้นเกิดอาการป่วยอย่างไรก็ตามที่บึงสีไฟนี้มีโครงการที่เลี้ยงจระเข้เอาไว้ซึ่งปัจจุบันนี้มีจระเข้ทั้งหมด 84 ตัวด้วยกันแล้วเมื่อมีการสำรวจจระเข้ตัวหนึ่งก็พบว่าบางตัวก็มีรูปร่างอ้วนท้วมปกติและมีทางเจ้าหน้าที่นั้นคอยนำโครงไก่มาโยนให้จระเข้กินอยู่เป็นประจำอยู่แล้วจึงไม่มีจระเข้ตัวไหนนั้นอดอยากอย่างแน่นอนเพียงแต่ว่าจระเข้ตัวที่มีการถ่ายรูปแชร์กันอยู่นั้นกำลังป่วยนั่นเอง

จึงทำให้มีรูปลักษณ์ผิดกับจระเข้ตัวอื่นๆซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองก็ได้มีการถ่ายรูปจระเข้ตัวอื่นมาเป็นหลักฐานให้กับชาวโซเชียลได้เห็นกันว่ามีจระเข้อยู่ในบ่อนั้นจำนวนหลายสิบตัวแต่มีแค่ตัวเดียวเท่านั้นที่มีอาการดังกล่าว อย่างไรก็ตามตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการควบคุมเรื่องของจำนวนประชาชนที่จะเข้าไปให้อาหารจระเข้แล้วโดยพยายามที่จะกำชับนักท่องเที่ยวไม่ให้โยนเศษอาหาร

หรือเศษพลาสติกเข้าไปในบ่อเราว่าจะทำให้จระเข้นั้นกินพลาสติกที่โยนเข้าไปและทางเจ้าหน้าที่ประมงได้ยินยันออกมาแล้วว่าปกติแล้วจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้อาหารจระเข้อยู่แล้วซึ่งการให้อาหารจระเข้ของที่นั้นจะให้อาหาร 1 ครั้งแล้วอยู่ได้ 1 อาทิตย์ทางโครงการประมงได้รับทุนในการเลี้ยงจระเข้ปีละ 5,000 บาท

 

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน pantip

บุ๊กโกะ เข้าช่วยเหลือน้องเปา

  บุ๊กโกะ เข้าช่วยเหลือน้องเปา ที่ถูกพูดเหยียดให้ไปขายปลาร้าเพราะผิวดำ

          จากกรณีที่ก่อนหน้านี้มีเด็กชายวัย 15 ปีคนหนึ่งและมีการโพสต์ Facebook ไลฟ์สดขายของเพื่อหาทุนการศึกษาให้กับตนเองและเป็นเงินช่วยเหลือคนในครอบครัวโดยเด็กชายมีการขายทั้งน้ำพริกและมีการขายทั้งเครื่องสำอางซึ่งในจังหวะหนึ่งที่มีการโพสต์ขายเครื่องสำอางอยู่นั้นเด็กชายวัย 15 ปีหรือที่เรียกกันว่าน้องเปาได้ถูกชาวเน็ตต่างเข้ามาพูดจา

ดูถูกเรื่องของผิวพรรณของน้องเปาที่มีผิวสีดำซึ่งไม่เหมาะกับการขายเครื่องสำอางเป็นอย่างมากโดยชาวเน็ตบางคนบอกให้น้องเปาเปลี่ยนการขายจากเครื่องสำอางไปขายปลาร้าแทนหรือแม้แต่บางคนก็ให้น้องเปาใช้เครื่องสำอางที่ตัวเองมีอยู่ทำตนเองให้ขาวก่อนแล้วค่อยนำมาขายให้กับคนอื่นซึ่งหลายคนที่ได้เห็นคำต่อว่าของชาวเน็ตต่างก็รู้สึกไม่พอใจที่ได้มีการเหยียดและบลูลี่เด็กชายที่ตั้งใจทำมาหากิน 

      ซึ่งในนั้นมีดีเจบุ๊คโกะ  รวมอยู่ด้วยซึ่งได้เห็นคลิปการเหยียดน้องเปาเกี่ยวกับเรื่องของผิวพรรณและการตอบโต้ของน้องเปาโดยที่น้องเปาตอบโต้ชาวเน็ตด้วยถ้อยคำที่สุภาพแม่เหมือนจะไม่รู้สึกโกรธแค้นที่มีคนมาต่อว่าทำให้ดีเจบุ๊คโกะรู้สึกว่าน้องเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีและเป็นคนดีดังนั้นดีเจบุ๊คโกะจึงได้นำสินค้าของน้องไปประกาศขายผ่านใน Instagram

โดยให้มีการติดต่อผ่านทางน้องเองโดยตรงซึ่งหลังจากที่ทางดีเจบุ๊คโกะได้มีการช่วยขายของนั้นทำให้สินค้าของน้องเปาขายดีเป็นอย่างมากและมีคนสนใจมาว่าจ้างน้องเปาให้ช่วยรีวิวขายของเป็นจำนวนมากซึ่งน้องเราเองก็ได้ให้ข้อมูลกับทางนักข่าวว่าปัจจุบันนี้มีคิวที่รอให้น้องเปารีวิวสินค้าให้มากถึง 50 กว่าคิวด้วยกันอีกทั้งสินค้าที่น้องปอนำมาขายอยู่ในตอนนี้นั้นก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากซึ่งเขาเองต้องขอบคุณดีเจบุ๊คโกะเป็นอย่างมากที่ให้การช่วยเหลือสนับสนุนอีกทั้ง

ยังมีหน่วยงานราชการต่างๆที่มาเสนอให้น้องเปาได้เรียนฟรีรวมถึงยังมีสถาบันเสริมความงามที่บอกว่าหากน้องเปาอายุครบ 18 ปีก็จะมีการศัลยกรรมให้ฟรีทั้งหน้าทั้งนี้ข้อมูลต่างๆที่น้องเปาได้รับมานี้อยู่ระหว่างการคิดให้รอบคอบเสียก่อนว่าจะมีการตกลงกับรายการไหนบ้าง โดยครอบครัวน้องเปานั้นรู้สึกขอบคุณ ทุกคนที่ให้การสนับสนุนน้องเปาและรู้สึกภูมิใจที่น้องเปาเป็นเด็กดีและหาเงินเลี้ยงตนเองได้แล้ว

        สำหรับเรื่องของการเหยียดผิวพรรณของคนนั้น ประเทศไทยไม่น่าที่จะเกิดขึ้นเพราะประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่มีการเหยียดผิวพรรณกันซึ่งในครั้งนี้ถือว่าชาวเน็ตบางคนได้มีการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและไม่น่ารักเป็นอย่างมากที่มีการดูถูกคนและทำให้คนที่ถูกดูถูกนั้นเสียขวัญและกำลังใจได้แต่ยังดีที่น้องเอาไว้ 15 ปีนั้นเป็นเด็กดีและเป็นคนที่มีความคิดในแง่บวกจึงไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับน้องมากนัก

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  rb88 ดีไหม

โกงแม้กระทั่งหม้อชาบู

       ในโลกออนไลน์กำลังมีเรื่องให้ชาวโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากเมื่อได้มีร้านอาหารชาบูร้านหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความบอกเล่าถึงเรื่องราวที่เขาถูกลูกค้าโกงเตาปิ้งย่างไฟฟ้าซึ่งเป็นเตาที่ทางร้านต้องใช้ทำมาหากินในการนำไปบริการลูกค้าถึงบ้านด้วยเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อทางร้านชาบูแห่งหนึ่งได้มีการโพสต์ Facebook ลงเรื่องราวเกี่ยวกับหัวขโมยที่ต้องการเตาไฟฟ้าเอาไปไว้ใช้ส่วนตัว

โดยเขาได้เล่าถึงเหตุการณ์ว่าก่อนหน้านี้เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้ร้านชาบูทุกที่ต้องปิดกิจการชั่วคราวลงดังนั้นทางร้านจึงจำเป็นต้องหาช่องทางหาเงินเพิ่มเป็นค่าใช้จ่ายให้กับทางร้านโดยมีวิธีการเปิดบริการจัดส่งชาบูแบบเดลิเวอรี่ซึ่งจะสามารถให้ลูกค้ายืมเตาไปใช้กินที่บ้านได้แต่มีเงื่อนไขว่าลูกค้าจะต้องมีการทักมาทางเพจของ Facebook เท่านั้น

เพื่อมีหลักฐานอ้างอิงว่าลูกค้ามีการยืมเตาจริงแต่มีอยู่มาวันหนึ่งมีหญิงสาวคนหนึ่งโทรเข้ามาที่ร้านโดยขอยืมเตาไฟฟ้าซึ่งเธออ้างว่าไม่สะดวกที่จะเข้าไปยืมผ่านทางเพจทางร้านเองก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงติดต่อเข้ามาไม่น่าจะมีปัญหาอะไรพวกเขาจึงให้พนักงานจัดส่งชาบูพร้อมหม้อไฟฟ้าไปให้กับลูกค้าเพื่อหวังเอาใจลูกค้าแต่เมื่อมีการใช้บริการการเรียบร้อยแล้ว

กลับพบว่าทางร้านชาบูไม่สามารถทำการเก็บหม้อมาได้โดยผู้ที่อยู่ในห้องดังกล่าวระบุว่าเขาไม่ได้มีการสั่งให้มีการเอาหม้อมาให้และคนที่สั่งนั้นถ้าเป็นผู้หญิงก็เป็นคนอื่นซึ่งไม่ได้อยู่ในห้องของเขาแล้ว

ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบกรณีหม้อชาบูหายซึ่งทางร้านเองก็ได้มีการพยายามติดต่อสอบถามและติดตามหาหญิงสาวคนดังกล่าวที่เป็นคนโทรเข้ามาสั่งสบู่ไปแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้จนอยู่มาวันหนึ่งทางร้านชาบูได้มีการเข้าไปส่อง Facebook ของลูกค้าซึ่งเป็นลูกค้าผู้ชายคนที่ปฏิเสธไม่ได้ยืมหม้อไป

โดยในเพจของลูกค้าผู้ชายคนดังกล่าวได้มีการถ่ายรูปการกินชาบูกับเพื่อนๆโดยมีการถ่ายติดรูปหม้อซึ่งหม้อดังกล่าวนั้นทางร้านจำได้ว่าเป็นหม้อของทางร้านเองดังนั้นเมื่อร้านค้าชาบูเห็นจึงได้มีการไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนำมาซึ่งการจับกุมชายคนดังกล่าวโดยเขารับสารภาพว่าทำแบบนี้มาบ่อยซึ่งเมื่อเรื่องราวนี้ได้ถูกเผยแพร่ไปใน Facebook ก็ทำให้ชาวโซเชียลเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

โดยมองว่าเป็นการซ้ำเติมคนที่ทำมาหากินซึ่งขณะนี้การทำกิจการอะไรก็ค่อนข้างยากลำบากอยู่แล้วยังต้องมาถูกพวกแก๊งวิชาชีพซ้ำเติมด้วยการอยากได้แม้กระทั่งหม้อที่ร้านค้าก็ต้องใช้เป็นอุปกรณ์ทำมาหากินอีกด้วย ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะเป็นบทเรียนให้กับทางร้านชาบูได้มีการพิจารณาและมีมาตรการให้ดีก่อนที่จะมีการปล่อยให้ลูกค้ายืมหม้อชาบูไปกินที่บ้าน

 

 

สนับสนุนโดย  next88 สมัคร

ถึงแม้ลูกตัวเองจะผิดแต่ก็ไม่สมควรตาย

โจรขโมยของโดนยิงตายแม่คนร้ายเศร้าถึงแม้ลูกตัวเองจะผิดแต่ก็ไม่สมควรตาย 

       เหตุการณ์เกิดขึ้นเนื่องจากน้องชายของผู้ใหญ่บ้านได้ทำการยิงคนในหมู่บ้านเดียวกันถึงแก่ความ  ตาย ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของจังหวัดเพชรบุรีได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางไปที่บ้านหลังที่เกิดเหตุหลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไปเจอกับ ผู้เสียชีวิตชื่อเล่นว่าโย อายุ 40 ปี

สภาพศพของนายโย ถูกยิงด้วยกันทั้งหมด 3 นัด  ซึ่งมีบาดแผลที่กลางหน้าออก  สีข้างทางด้านขวา และแขนขวา และสำหรับคนที่ก่อเหตุยิงคนตายนั้นเป็นน้องชายผู้ใหญ่บ้านชื่อว่าคุณ จรูญ ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นายจรูญยิงนโยนั้นนายจรูญก็ได้ทำการหลบหนีไป เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามข้อมูลจากทางชาวบ้านเพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลหลักฐานเพื่อนำไปสืบสวนต่อไป 

        เหตุการณ์ในครั้งนี้นักข่าวได้ลงไปในพื้นที่แล้วได้ไปพบกับผู้เสียชีวิตชื่อว่าคุณป้าสะอิ้ง  ซึ่งป้าสะอิ้งได้ให้ข้อมูลกับนักข่าวว่า นายโยคือลูกชายคนเล็กของเธอ ปกติแล้วนายโยเป็นคนดี  เป็นคนร่าเริง ขี้เล่น ชอบทักทายคนอื่นอื่น ที่สำคัญคือ เหตุการณ์ที่นายบัญชาโดนยิงตายในครั้งนี้เกิดขึ้นมาจากว่านายจรูญ ซึ่งเป็นน้องชายของผู้ใหญ่บ้าน

เกิดความไม่พอใจและแค้นที่ลูกชายเป็นคนขี้ขโมย  ชอบไปขโมยของบ้านของนายจรูญ ซึ่งนางสะอิ้งยังบอกอีกว่า ถึงแม้ว่าลูกชายของตัวเองจะเป็นขี้ขโมย จะเป็นคนดีหรือไม่ดี 

สำหรับแม่นั้น แม่สงสาร และต่อให้ลูกแม่เป็นคนขี้ขโมยและไปขโมยของที่บ้านน้องชายผู้ใหญ่บ้านแต่การยิงกันแบบนี้มันรุนแรงเกินไป ขอให้ได้รับกรรม สำหรับมือปืน ส่วนพี่ชายของนายโย ยืนยันกับทางนักข่าวว่าตนเองไม่เชื่อว่าน้องชายของตนเองนั้นจะเป็นคนขี้ขโมยอย่างแน่นอน  ซึ่งทางพี่ชายของนายโยได้มีการสอบถามทางเพื่อนบ้านเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยทราบมาว่าในวันเกิดเหตุนั้นนายโยได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านของนายจรูญ แล้วเกิดมีปากเสียงทะเลาะกันที่หน้าบ้านของนายจรูญ โดยชาวบ้านได้ยินเสียงนายจรูญพูดว่าจะมาขโมยของอีกแล้วเหรอ ซึ่งนายโยไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงแค่ขี้รถจักรยานยนต์ออกไปแล้วสักพักก็วนรถกลับมาใหม่ ซึ่งหลังจากที่นายโยกลับมารอบนี้เหมือนกับว่านายโยจะกลับมาหาเรื่องนายจรูญ

หลังจากนั้นนายโยก็ตะโกนเรียกให้นายจรุญออกมา แล้วทั้งคู่ก็ทะเลาะกันอีก ซึ่งชาวบ้านได้ยินว่านายโยพูดว่าผมไมไ่ด้เป็นคนขโมยของ ซึ่งตอนที่เถียงกัน นายจรุญก็ได้นำปืนมายิงนายโยจนเสียชีวิตและนายจรูญก็ได้หลบหนีไป

แม่น้องโดมเปิดใจเล่าทั้งน้ำตา

แม่น้องโดมเปิดใจเล่าทั้งน้ำตา ฝ่ายชายโกหกลูกไม่ได้ดึงพวงมาลัยจนเป็นสาเหตุให้รถชนเสาไฟ

แม่ของเด็กชายอายุเพียง 4 ปีได้ออกมาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นให้กับผู้สื่อข่าวฟังทั้งน้ำตาว่า ลูกชายชื่อน้องโดม นอนหลับขณะที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ได้เป็นคนแย่งพวงมาลัยจนทำให้รถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟแน่นอน แต่ที่เกิดอุบัติเหตุก็เพราะว่าคนขับ คนขับประมาทและชอบขับรถเร็ว จนทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้และเธอต้องเสียลูกชายไปตลอดกาล

    จากเหตุการณ์ที่มีอุบัติเหตุรถยนต์ขับชนเสาไฟฟ้าข้างถนน โดยมีคนเห็นเหตุการณ์ว่าก่อนที่รถจะชนเสาไฟนั้น รถวิ่งมาด้วยความเร็วและมีลักษณะการวิ่งแบบส่ายไปส่ายมา ซึ่งทางคนขับรถที่เป็นผู้ชายได้ออกมาบอกว่าเหตุเกิดเพราะเด็กที่นั่งในรถที่เป็นลูกติดของแฟนแย่งดึงพวงมาลัยรถ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

  ล่าสุดแม่ของเด็กชายโดมที่เสียชีวิตและเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในเหตุการณ์ของอุบัติเหตุในครั้งนี้ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวแล้วหลังจากที่เธอต้องนอนรักษาตัวเพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดยเธอได้เล่าให้ฟังว่า เธอและชายคนดังกล่าวกำลังคบหาดูใจกันอยู่ และเด็กชายที่เสียชีวิตคือลูกของเธอที่เป็นลูกกับสามีคนแรกทีแยกทางกันไปแล้วโดยในวันเกิดเหตุผู้ชายได้ขับรถมารับเธอกับลูกไปทำบุญไหว้พระซึ่งพวกเธอไปทำบุญกันที่วัดต้นส้นและพอทำบุญเสร็จก็ไปหาข้าวกินกันซึ่งได้มีการขับผ่านศาลหลักเมืองของจังหวัดอ่างทอง

เธอจึงได้ชวนฝ่ายชายลงไปไหว้ศาลหลักเมืองแต่ฝ่ายชายกลับลบหลู่ศาลหลักเมืองด้วยการนำธูปที่จะใช้ไหว้ไปถูกับดินและยังลบหลู่ศาลหลักเมืองด้วยการบอกให้ท่านแสดงปาฏิหารย์ให้เห็น ซึ่งหลังจากที่พวกตนทั้งสามคนไหว้ศาลหลักเมืองเสร็จเธอก็ชวนฝ่ายชายกลับบ้าน แต่ผู้ชายบอกว่าอยากอยู่ต่ออีกหน่อยจึงขับรถพาเธอและลูกไปเที่ยวที่ตลาดนัดของจังหวัดอยุธยา

แต่เธอไม่อยากเที่ยว จึงไม่ยอมลงจากรถและไม่พูดกับฝ่ายชายเพราะโกรธ ทำให้ฝ่ายชายต้องพาเธอกลับมาบ้านแต่ระหว่างทางฝ่ายชายขับรถมาด้วยความเร็วเพราะต้องการให้เธอกลัว ซึ่งในตอนนี้น้องโดมนอนหลับบนตักขอตนเองอยู่ จึงไม่ใช้น้องโดมที่เป็นสาเหตุให้รถพุ่งชนเสาไฟ แต่เป็นความประมาทของคนขับเองที่พยายามขับรถเร็วและส่ายและสุดท้ายเปลี่ยนเลนกะทันหันไปเจอกับรถสิบล้อทำให้ต้องหักหลบจนไปชนกับเสาไฟจนเป็นเหตุให้น้องโดมเสียชีวิตเพราะกระเด็นออกมานอกรถ