เจอหลักฐานใหม่คดีฆาตกรรมน้องชมพู่ เณรแอร์ชี้เหรียญมีรูใช้สะกดวิญญาณ

        เชื่อว่าหลายคน คงยังไม่ลืมคดีของน้องชมพู่เด็กหญิงวัย 3 ขวบที่ถูกฆาตกรรมบนภูเขาหลังบ้าน ซึ่งนี่ก็ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วแต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าอีกเลยด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็พยายามสืบหาหลักฐานเพิ่มเติมโดยมีการส่งทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นมาบนภูเขาเพื่อหาหลักฐานต่างๆแต่ก็ยังไม่พบหลักฐานอะไรรวมถึงก่อนหน้านั้นก็มีการออกมาพูดถึงหมอดู

ซึ่งชื่อว่าหมอทำเป็นหมอดูประจำหมู่บ้านและยังมีพระสงฆ์จากหมู่บ้านต่างถิ่นให้ข้อมูลว่าหลักฐานที่เป็นเสื้อของน้องชมพู่ที่หายไปนั้นยังคงอยู่บนภูเขาโดยทั้งคนร้ายนำไปซ่อนไว้แต่ก็ยังไม่มีใครที่จะสามารถหาเสื้อดังกล่าวนั้นได้เจอทางด้านสำนักข่าวแห่งหนึ่งของช่องอรุณอมรินทร์เองก็พยายามสืบค้นหาร่องรอยนี้ได้เช่นเดียวกันโดยมีการส่งนักข่าวมาทำข่าวที่หมู่บ้านนี้

ทุกวันซึ่งเราจะเห็นข่าวว่านักข่าวนั้นจะมีการขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับทางเจ้าหน้าที่เพื่อไปตามหาถ้ำที่ทางหมอดูได้มีการบอกเอาไว้ว่าคนร้ายได้นำเสื้อไปซ่อนเอาไว้แต่จนถึงตอนนี้หลังจากที่มีการค้นพบท่านมาแล้วจำนวน 7 ท่านด้วยกันก็ยังไม่พบเสื้อที่คนร้ายนำไปซ่อนไว้เลยแต่อย่างไรก็ดีความคืบหน้าล่าสุดนั้นว่าหลังจากที่พ่อแม่ของน้องชมพู่นั้น

ได้มีการนำดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้ขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขาตามที่หมอทำได้แนะนำไปนั้นปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบหลักฐานชิ้นใหม่ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากศพของน้องชมพู่มากนักเป็นกุญแจรถรวมถึงเหรียญสตางค์ซึ่งมีการเจาะรูเอาไว้แต่ของเหล่านั้นถูกมีการเผาทิ้งซึ่งยังคงมีหลักฐานหลงเหลือเอาไว้บางส่วนโดยหลักฐานชิ้นนี้พบว่าอยู่ห่างจากการพบศพของน้องชมพู่แค่เพียง 200 เมตรเท่านั้น

เองทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เก็บหลักฐานเอาไว้ซึ่งเมื่อเช้านี้ออกไปก็พบว่าทางด้านเณรแอร์ ซึ่งเคยเป็นคนที่ชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องทางด้านไสยศาสตร์และเคยทำเรื่องผิดกฎหมายด้วยการขุดศพของเด็กมาทำเครื่องรางของขลังนั้นได้พูดถึงเรื่องของเหรียญที่มีการเจาะรูเอาไว้ว่าเหรียญสตางค์ที่มีการเจาะรูนั้นตามความเชื่อของคนเล่นไสยศาสตร์แล้ว

เชื่อว่าจะเป็นการสะกดวิญญาณของศพ ไม่ให้ออกมาอาละวาด มีการคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นการสะกดวิญญาณของน้องเป็นผู้เอาไว้อย่างไรก็ดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งตามหาเสื้อกล้ามของน้องชมพู่อยู่เนื่องจากว่าเสื้อกล้ามนั้นเชื่อว่าจะเป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถที่จะตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าน้องชมพู่ได้

สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มีพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งได้ออกมาระบุถึงเสื้อของน้องชมพู่ว่าให้ลองหาบริเวณใกล้กับสุขของน้องชมพู่ให้ดีๆเพราะว่าเสื้อน่าจะถูกซ่อนเอาไว้ไม่ห่างจากศพเกิน 600 เมตรและที่สำคัญทางพระสงฆ์และหมอดูคนอื่นๆต่างก็ยืนยันตรงกันว่าคนร้ายยังคงเป็นคนในหมู่บ้านและตอนนี้ก็ยังอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าวซึ่งคนร้ายนั้นติดยาเสพติดจึงได้ก่อเหตุในครั้งนี้ขึ้น

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  sagameผ่านมือถือ

คลิป หนุ่ม Grab ต่อสู้กับชายที่มีปืนด้วยมือเปล่า 

    เมื่อวันที่ 26 เดือนสิงหาคมปี พ.ศ. 2563 ช่วงเวลาประมาณ 12:12 น.ได้มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้นที่ถนนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรีซึ่งในคลิปจะเห็นได้ว่ามีรถกระบะคันหนึ่งขับมาหลังจากนั้นก็มีการเลี้ยวแบบกะทันหันทำให้มีการวิ่งตัดหน้ารถมอเตอร์ไซค์ที่กำลังวิ่งมาพอดีซึ่งมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวนั้นเป็นมอเตอร์ไซค์ของพนักงาน Grab Bike

หลังจากที่รถมอเตอร์ไซค์ล้มพนักงานแจ็คและใช้ที่ขับรถกระบะก็ลงมาเจรจาตกลงกันแต่เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้นเมื่อชายที่ขับรถกระบะไม่พอใจอย่างมากเดินไปที่รถแล้วหยิบอาวุธปืนออกมาข่มขู่และทำร้ายร่างกายหนุ่ม grabbike ทำให้เจ้าตัวหนึ่งเก็บไว้เองก็ได้มีการต่อสู้กันซึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นไปพนักงานที่ขับแกร็บไบค์ได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจ  รพ. ดอนหัวฬ่อจะแจ้งความดำเนินคดีกับชายที่ขับรถกระบะ

ซึ่งต่อมาใช้กับรถกระบะก็ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาพร้อมกับยอมรับว่าตัวเองนั้นมีอารมณ์รุนแรงเกินไปเนื่องจากว่าก่อนหน้านั้นกำลังเพราะอยู่กับแฟนสาวบนรถกระบะเมื่อมาเจอเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทำให้รู้สึกผิวขาดจึงได้นำอาวุธออกไปซึ่งในตอนแรกนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับทางชายหนุ่มคนที่ขับรถกระบะ

เนื่องจากขับรถโดยประมาทและยังมีการพบอาวุธปืนออกมาในที่สาธารณะด้วยแต่ในขณะเดียวกันไม่คืนนี้หลุดออกมาทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะต้องมีการเรียกตัวพนักงานการไปเข้ามาเพิ่มเพื่อมาทำการสอบปากคำเพิ่มเติมว่าที่จริงแล้วทั้งคู่ร่วมกันทะเลาะวิวาทหรือไม่แต่อย่างไรก็ดีพนักงานขับ Grab Bike ยืนยันว่าตนเองนั้น

ไม่ได้ตั้งใจที่จะมีเรื่องทะเลาะกับหนุ่มขับรถกระบะได้อย่างไรแต่ที่ต้องต่อสู้พวกนั้นกระบังกันตัวนั้นเองซึ่งหนุ่มเก็บไว้ยังได้มีการนำแผลที่มีรอยแตกจากการถูกด้ามปืนและมีการไปเย็บเรียบร้อยแล้วที่โรงพยาบาลมาโชว์ให้กับชาวโซเชียลได้ดูกันอีกด้วยยังไงก็ดีตอนนี้เรื่องราวค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องใหญ่โตเนื่องจากว่ามีนักข่าวนำเรื่องนี้มาเสนอข่าวโดยมีการเผยแพร่ข่าวออกมาเมื่อวันที่ 28 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2553 ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะต้องมีการเรียกทั้งสองฝ่ายมาสอบปากคำเพิ่มเติม

    แล้วเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่เกิดการทะเลาะวิวาทกันรุนแรงมากแค่ไหนก็ไม่ควรที่จะนำอาวุธปืนออกมาข่มขู่กันถ้าเกิดว่าทะเลาะกันจึงไม่สามารถควบคุมตนเองได้ก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิตกันได้จากการที่แต่ละคนต่างก็มีอารมณ์ร้อนด้วยกันทั้งคู่

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  สูตร sagame

ตำรวจตามตัวฆาตกรโหดยิงน้องชายตัวเองเสียชีวิต 2 ศพ

ตำรวจตามตัวฆาตกรโหดยิงน้องชายตัวเองเสียชีวิต 2 ศพหน้าบ้านสาเหตุเพราะแย่งมรดกกัน

            หน้าที่ตำรวจ  สน. เขตมีนบุรีได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีคนก่อเหตุยิงกันที่น่าพักด้านหลัง 1 เลยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงก็พบว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 รายการต่อมาชื่อว่านายศรายุทธและนายวีระชัยซึ่งทั้ง 2 คนนั้นเป็นพี่น้องกันและโทรอาวุธปืนชนิดเดียวกันยิงบริเวณศีรษะทำให้เสียชีวิตคาที่ทั้งคู่จากการสอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้มีการเล่าว่าคนที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้

คือพี่ชายแท้ๆของทนายศรายุทธกับนายวีระชัยเองซึ่งครอบครัวนี้มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 คนปัญหาที่พบก็คือเกิดการแย่งที่ดินมรดกกันเนื่องจากว่าก่อนที่พ่อกับแม่จะเสียชีวิตที่มีการแบ่งที่ดินเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วทุกคนเท่าๆกันแต่พี่ชายคนโตก็คือผู้ก่อเหตุนั้นอยากจะได้ที่ดินมากกว่าน้องจึงได้เกิดปัญหาทะเลาะกับพี่น้องคนอื่นมา

โดยตลอดในวันที่เกิดเหตุก็ยังเกิดเหตุการณ์ทะเลาะกันเกิดขึ้นในเรื่องปัญหาที่ดินและเรื่องรถกระบะที่เป็นมรดกกองกลางที่ทุกคนสามารถผลัดเปลี่ยนกันนำไปขับได้ หลังจากที่เจอหน้ากันก็เกิดการทะเลาะกันอีกครั้งหนึ่งและในที่สุดพี่ชายคนโตก็ทำการนำปืนที่พกมายิงน้องทั้งสองคนเสียชีวิตหลังจากนั้นก็ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี

          สำหรับปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของมรดกที่ทำให้พี่น้องทะเลาะกันนั้นมีขึ้นบ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็นครอบครัวขนาดเล็กหรือแม้แต่ครอบครัวขนาดใหญ่อย่างกลุ่มพวกมหาเศรษฐีก็ตามเรามักจะเห็นว่ายิ่งมีเงินทองมากเยอะแค่ไหนก็จะยิ่งทำให้คนเกิดความโลภมากขึ้นเท่านั้นซึ่งที่จริงแล้วพ่อแม่ก็แบ่งให้ตามสมควรแล้วหากเพียงพอกับการสิ่งที่พ่อแม่แบ่งให้ก็จะไม่เกิดปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นและปัญหาส่วนใหญ่นั่นก็คือไม่พอใจกับสิ่งที่ตนเองได้รับและโลภมากอยากจะได้มากกว่าคนอื่น

จึงนำมาซึ่งความเดือดร้อนและการทะเลาะกันและไม่สามารถตกลงกันได้ส่วนใหญ่ก็จะฆ่ากันเพียงเพราะเรื่องแค่มรดกเท่านั้นโดยไม่คำนึงถึงไงว่าสุดท้ายแล้วเมื่อคุณฆ่าคนอื่นตายหมดถึงแม้มรดกจะตกเป็นของคุณเองนั้นแต่คุณก็ไม่ได้ใช้มรดกนั้นเนื่องจากคุณต้องชดใช้กรรมอยู่ในคุกนั่นเอง  เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันหากผู้ก่อเหตุนั้นไม่โลภมากเพียงพอกับสิ่งที่ตนเองมีอยู่และสิ่งที่ตัวเองได้รับจากพ่อแม่นั้นก็จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเพราะท้ายที่สุดแล้วต่อให้หนีไปสุดหล้าฟ้าเขียวยังไงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมตัวได้อยู่ดีแล้วก็ต้องไปอยู่ในคุกแทนที่จะได้ใช้เงินมรดกนั่นเอง

           

 

สนับสนุนโดย  sagame666

ล่าโจรสมหน้ากากอนามัยพกปืนปล้นร้านทองกลางเมืองสงขลาได้ทองไป 6 บาท

           เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดสงขลาได้รับการแจ้งขอความช่วยเหลือว่ามีคนปล้นร้านทองที่ห้างทองธนะพัฒน์อยู่บริเวณถนนทะเลหลวงเบอร์ร้านทองร้านนี้เป็นร้านทองสาขาที่ 2 ของห้างทองธนะพัฒน์เกิดเหตุเมื่อวันที่ 24 เดือนพฤษภาคมปี พ.ศ. 2563 เวลาประมาณ 13:30 น. คนร้ายซึ่งเป็นผู้ชายคาดว่าน่าจะอยู่ในวัยกลางคนสวมใส่หน้ากากอนามัยและปืนเดินเข้าไปในร้านทอง

โดยทันทีว่าซื้อสร้อยคอซึ่งให้เจ้าของร้านหยิบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทให้ดูหลังจากเจ้าของร้านยื่นสร้อยคอทองคำให้ชายคนดังกล่าวก็ได้หยิบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทจำนวน 2 เส้นไปโดยใช้ปืนข่มขู่เจ้าของร้านหลังจากนั้นก็เดินออกจากร้านโดยมีรถมอเตอร์ไซค์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจอดรออยู่แล้วพากันหลบหนีไปซึ่งทองจำนวน 6 บาท

หากคิดเป็นเงินก็เป็นมูลค่าถึง 150,000 บาทเลยทีเดียวทางด้านเจ้าของร้านได้บอกกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าในช่วงที่เกิดเหตุนั้นตนเองไม่ได้อยู่ตรงบริเวณหน้าร้านมีพนักงานที่เป็นลูกจ้างอยู่ประมาณ 3 คนซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมดทำให้คนร้ายทั้งสองคนเดินเข้ามาในร้านแล้วใช้ปืนออกมาจี้ให้พนักงานส่งสร้อยให้หลังจากนั้นก็หนีขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไป

โดยรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายที่เข้ามาจี้ทองไปในร้านนั้นพนักงานหญิง 3 คนให้การเหมือนกันว่าเป็นผู้ชายอายุน่าจะอยู่ราวๆวัยกลางคนสวมเสื้อสีแดงและใส่กางเกงขายาวสีดำโดยมีใส่แจ็คเก็ตสีดำอีกครั้งหนึ่งที่สำคัญจนได้สวมใส่หน้ากากอนามัยสีฟ้าทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามวงจรปิดหาทิศทางของโจรว่าจะหนีไปทางไหนซึ่งขนาดนี้ยังไม่พบตัวผู้ต้องสงสัย 

          ช่วงนี้เรามักจะได้ยินข่าวโจรปล้นร้านทองหรือแม้แต่โจรกระชากสร้อยกันเยอะเนื่องจากว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงไม่ดีประชากรยังไม่ค่อยมีงานทำและไม่มีเงินใช้จึงทำให้เราจะพบเห็นได้ว่าหลายคนเปลี่ยนจากคนดีกลายมาเป็นโจรเพราะต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองและครอบครัว  ดังนั้นช่วงนี้หลายๆคนคงต้องมีการระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องการใส่ทองออกไปข้างนอก

รวมถึงร้านทองเองอาจจะต้องมีการระวังอาจจะต้องมีการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเฝ้าร้านทองด้วย 1 คนเพื่อป้องกันโจรที่จะเข้ามาปล้นร้านทองรวมถึงโจรจะมากระชากกระเป๋าหรือกระชากสร้อยสนใจก็ตามที่พอจะรู้เบาะแสของคนร้ายก็สามารถให้เบาะแสกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เพื่อจะได้จับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ดี เราไม่ควรที่จะหันมาทำตัวเป็นโจรถึงแม้จะไม่มีเงินควรหางานทำที่สุจริตจะดีที่สุดเพราะถ้าถูกจับได้ต้องติดคุก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  sagame888

เกิดเหตุ กำนันใช้ปืนยิงลูกบ้านเสียชีวิต เหตุทะเลาะกันเรื่องโควิด-19 

          เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจม่วงงามได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตคาหน้าบ้านพักของตนเองซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เดือนพฤษภาคมปี พ.ศ. 2563   โดยจังหวัดที่เกิดเหตุนั้นคือจังหวัดสงขลา  เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากนางวัลยาภรรยาของผู้เสียชีวิตและนายสุมิตรพี่ชายของผู้เสียชีวิตให้คำการเข้าจับกุมผู้ก่อเหตุที่เป็นคนยิงผู้เสียชีวิตนั้น

ก็คือนายณรงค์ชัยซึ่งเขามีตำแหน่งหน้าที่เป็นกำนันที่ตำบลม่วงงามโดยทั้งคู่เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุว่าผู้เสียชีวิตนั้นที่ว่านายเสรีในวันดังกล่าวนั้นนายเสรีนั่งกินเหล้าอยู่กับเพื่อนที่หน้าบ้านเรียนโต๊ะหินซึ่งระหว่างที่นั่งกินเหล้าอยู่นั้นก็พบว่ากำนันณรงค์ชัยได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ขับผ่านมาซึ่งที่จริงแล้วกำนันลงใช้ขับรถเลยไป

แล้วแต่ไม่มีการย้อนกลับมาที่หน้าบ้านของนายเสรีอีกครั้งหนึ่งโดยนายณรงค์ชัยได้มีการบวกกับนายเสรีและเพื่อนที่นั่งกินเหล้ากันว่าให้เรียมเลิกกินได้แล้วเพราะว่าใกล้จะครบเคอร์ฟิวแล้วซึ่งนายเสรีซึ่งขณะนั้นกำลังเมาสุราจึงได้มีการต่อว่ากำนันณรงค์ชัยไปโดยลักษณะคำพูดของนายเสรีนั้นเป็นลักษณะของการดูถูกตำแหน่งหน้าที่การงานของกำนันณรงค์ชัย

และที่สำคัญก่อนหน้านั้นเคยมีเรื่องทะเลาะกันมาก่อนเกี่ยวกับการที่นายเสรีเดินทางกลับมาจากต่างจังหวัดทำให้กำนันณรงค์ชัยต้องสั่งให้ตัดตัวอยู่แต่ที่บ้านจนเกิดมีปากเสียงกันขึ้นเพราะนายเสรี ไม่ยอม จนวันนี้นายเสรีได้มาพูดจาดูถูกกำนันณรงค์ชัยอีกจึงทำให้กำนันไม่พอใจใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมากระหน่ำยิงใส่นายเสรีทันทีจนทำให้เสียชีวิตคาที่ส่วนเพื่อนๆที่นั่งกินเหล้ากันอยู่ในจุดที่เกิดเหตุนั้นต่างก็พากันวิ่งหนีลูกปืนไปคนละทิศละทาง

             ส่วนทางด้านกำนันณรงค์ชัยนั้นหลังจากก่อเหตุเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้มีการขับรถกลับไปที่บ้านของตนเองและไปอาบน้ำแต่งตัวหลังจากนั้นก็เดินทางไปหาปลัดอำเภอสิงหนครเพื่อให้ปลัดอำเภอนั้นพาเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยกำนันณรงค์ชัยนั้นได้ให้การปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องของการยิงนายเสรีซึ่งกำลังชัยบอก

แต่เพียงแค่ว่าตนเองนั้นเดินทางไปงานศพของลูกบ้านมาแล้วก็ขับกลับมาที่บ้านแต่ไม่ได้ไปก่อเหตุยิงนายเสรีแต่อย่างใดซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีการตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งหนึ่งและจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ ทั้งนี้ต้องมีการตามตัวเพื่อนของนายเสรีมาให้ปากคำว่าสรุปกำนัน ณรงชัย ได้ก่อเหตุยิงนายเสรีย์จริงหรือไม่ 

 

สนับสนุนโดย  sagame

คุณพ่อคุณแม่พึ่งแจ้งวัยรุ่นเตรียมฆ่าเพื่อนแถมขุดหลุมเตรียมฝังศพเรียบร้อย

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เองซึ่งก็คือวันที่ 12 เดือนนี้ซึ่งได้มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงอายุประมาณ  13 ปีขึ้น ซึ่งวัยรุ่นกลุ่มนี้นั้นได้สั่งให้มีเด็กหญิงคนหนึ่งมาหาและหลังจากนั้นก็ทำการรุมทำร้ายซึ่งทำร้ายเป็นเวลามากกว่า 4 ชั่วโมงระหว่างที่คนในแก๊งทำร้ายอยู่อีกคนหนึ่งก็ทำการขุดหลุมฝังศพเด็กสาวคนนั้น มีข่าวลือมาว่าจริงๆแล้ว

เด็กสาวคนที่ถูกกระทำทำร้ายนั้นว่ากันว่าเด็กสาวคนนี้ได้แอบคบกับแฟนหนุ่มของคนที่ทำร้ายเธอเป็นคนที่ทำร้ายเธอนั้นเมื่อรู้ว่าโกรธมากเพราะว่าแฟนหนุ่มคนนั้นก็คือแฟนหนุ่มของคนที่ทำร้ายเองซึ่งดังนั้นเธอจึงทำการคิดที่จะชำระแค้นด้วยการที่จะฆ่าหญิงสาวคนนั้นให้ตายซะแต่กลับมีคนแอบถ่ายคลิปไว้ก่อนทำให้เธอจำเป็นที่จะต้องปล่อยเด็กสาวคนนั้นไป

ซึ่งหลังจากนั้นหญิงสาวก็ได้ไปหาพ่อแม่และเล่าเรื่องให้ฟังซึ่งพ่อแม่นั้นก็ได้ไปหาตำรวจแจ้งความจับกลุ่มเด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นซึ่งเมื่อตำรวจขอคำอธิบายเด็กสาวได้บอกว่าเธอนั้นคือเหยื่อของกลุ่มเองซึ่งวันนั้นมีการจัดปาร์ตี้วันเกิดของคนในกลุ่มวัยรุ่นที่ทำร้ายเธอซึ่งเด็กสาวคนนั้นก็ได้ไปร่วมงาน

ซึ่งหลังจากนั้นก็มีแฟนหนุ่มของเจ้าของวันเกิดขึ้นก็คือคนที่ทำร้ายเธออยู่ในงานซึ่งทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนกันมาก่อนจากโรงเรียนอื่นทั้งสองจึงคุยกันอย่างสนุกสนานซึ่งหลังจากนั้นคนที่ทำร้ายเธอก็ได้เห็นเขาว่าเธอกำลังคุยกับแฟนของตัวเองอยู่เป็นกรดเป็นอย่างมากหลังจากที่งานวันเกิดเสร็จไประหว่างที่เธอกำลังจะกลับบ้านแล้วบอกว่าให้เธอแต่งตัวดีๆแล้วมาหาเธอที่บ้านของตัวเองด้วยห้ามชวนใครมาด้วยซึ่งหญิงสาวก็ไม่รู้อะไรเลยสักนิดจึงได้เดินทางตามไป

หลังจากแต่งตัวใหม่จนเสร็จซึ่งหลังจากนั้นเมื่อเธอเข้าไปในบ้านเธอพบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งอายุ 14 ปีมามัดขามัดแขนของเธอเอาไว้หลังจากนั้นพวกคนเหล่านั้นก็ได้ทำการทำร้ายทารุณเธอซึ่งการทำร้ายที่โหดที่สุดนั่นก็คือการนำมีดมากรีดที่หลังจากนั้นซึ่งหลังจากทำร้ายเสร็จคนในกลุ่มก็พากันชี้ไปที่หลุมหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆกันหลังจากนั้นพวกเขาก็บอกว่าเมื่อเธอเสียชีวิต

พวกเขาจะนำเธอไปฝังศพไว้ในนั้นแต่โชคดีที่แก๊งเหล่านั้นถูกพ่อแม่เรียกไปก่อนดังนั้นถึงไม่มีใครเห็นเธอและเธอก็ใช้โอกาสนี้การวิ่งหนีกลับบ้านแล้วไปฟ้องพ่อแม่ให้ไปบอกกับตำรวจซึ่งหลังจากที่ได้มีการเผยแพร่ออกไปกับการทำร้ายทารุณเด็กสาวกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็ถูกแย่งกันอย่างมากมายและตอนนี้ก็ถูกจับกุมเรียบร้อยแล้ว

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  สูตร บาคาร่า bk8

ตำรวจ งง ป้าบอกหญิงสาวส่งกระแสจิตให้ป้าเจ็บเท้า

 เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่สิบสองซึ้งตอนนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนอยู่ที่บ้านปกติแต่เมื่อถึงเวลาตีหนึ่งอยู่ๆเธอได้ยินเสียงรถ ตำรวจใกล้มากราวกับว่าอยู่ที่หน้าบ้านของเธอนี้เองแต่เพราะเธอง่วงมากจึงไม่สนใจอะไรและนอนหลับต่อแต่อยู่ๆเธอก็ได้ ยินเสียงมีผู้ชายตะโกนแรกเธอจึงลุกจากเตียงไปดูที่หน้าต่าง

และเห็นรถตำรวจอยู่ที่หน้าบานของเธอซึ้งก็มีป้าคนหนึ่งซึ้งก็คือป้าข้างบ้านของเธอเองค่ะ เธองงมากจึงลงไปที่ด้านล้างบ้านและเมื่ออกไปตำรวจบอกว่าป้าข้างบ้านแจ้งความเธอใน ข้อหาที่กวนในตอนกลางคืน ซึ้งหญิงสาวคนนั้นไม่ได้ออกจากบ้านเลยหลังจากเวลาหนึ่งทุ่มดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไป กวนป้าข้างบ้านเธอจึงถามป้าไปว่า กวนยังไง

ซึ้งป้าข้างบ้านก็ตอบว่า หญิงสาวส่งกระแสจิตไปหาป้าที่บ้านและทำให้เธอ เจ็บเท้าซึ้งหลังจากนั้นเธอก็งงเป็นอย่างมากเนื่องจากมันเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องเพราะแค่เท้าเจ็บซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดย ธรรมชาติไม่เกี่ยวกับว่าเธอไปกวนอะไรทั้งนั้นและนอกจากนั้นเธอก็ไม่ใช่เอเลี่ยนเป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถที่จะส่ง กระแสจิตไปหาใครได้

ซึ่งนอกจากนั้นเธอยังบอกอีกว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเธอต่างหากที่เป็นคนที่คุณจะแจ้งข้อหากับป้าคนนั้น เนื่องจากป้าคนนั้นมักจะเรียกชื่อของเธอตอนประมาณ 03:00 น.หรือ 04:00 น.และนอกจากนั้นยังชอบทุบบ้านทุบกำแพง ของบ้านตนเองจนเสียงมันมาหาที่บ้านคนอื่นแต่เวลาตักเตือนป้าก็ไม่ฟังเอาแต่เถียงว่าตัวเองไม่ผิด ซึ้งทุกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร

และไม่คิดแจ้งตำรวจด้วยซ้ำ ในตอนนั้นหญิงสาวคิดว่าป้าข้างบ้านของเธออาจจะป่วยทางจิตได้และนอกจากนั้นป้ายังบอก ว่าเธอนั้นเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มาจากโลกอื่นซึ้งตอนนั้นทั้งหญิงสาวและตำรวจต่างก็งงกับความคิดของคุณป้าเป็นอย่างมากซึ้งหลังจากนั้นทางตำรวจได้พยามบอกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช้มนุษย์ต่างดาวแต่คุณป้ากลับไม่เชื่อและยังบอกอีกว่า ตำรวจเป็นเอเลี่ยนเหมือนกัน

เรื่องนี้หลังจากที่หลายคนก็ได้เห็นคลิปทุกคนต่างก็งงกับคุณป้าเป็นอย่างมากและหลายคนคิดว่าคุณป้าอาจจะเป็นบ้าค่ะ เรื่องนี้เราก็ไม่อาจจะรู้ว่าป้าคนนี้ทำแบบนี้เพื่อกวนประสาทหญิงสาวเท่านั้นหรือว่าทำเพราะคุณป้าเป็นป่วยทางจิตกันแน่

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8 โบนัส 100

สุดอาลัย การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่พยาบาลคนไทย

สุดอาลัย การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่พยาบาลคนไทยที่ไปรักษาผู้ป่วยอยู่ที่อเมริกา ป่วยติดเชื้อโควิดจนตาย

               มีคนไทยที่ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศเป็นจำนวนมากซึ่งแต่ละคนก็มักจะมีอาชีพแตกต่างกันออกไปและหนึ่งในอาชีพที่อยู่ในความเสี่ยงในขณะนี้ก็คืออาชีพหมอและพยาบาลซึ่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเองก็มีคนไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นพร้อมกับครอบครัวโดยเธอประกอบอาชีพเป็นพยาบาลอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์กซึ่งที่นี่เป็นจุดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่ารักที่สุดโดยที่มีจำนวนพี่ติดเชื้อแล้วมากกว่า 30,000 คนในขณะเดียวกันมีคนที่ติดเชื้อแล้วเสียชีวิตอีกมากกว่า 15,000 คน สำหรับเรื่องราวที่เราจะพูดกันอยู่ในวันนี้นั่นก็คือการที่ครอบครัวครอบครัวหนึ่งต้องเสียคนที่รักไปนั่น

ก็คือพยาบาลผู้มีจิตใจเมตตาที่คอยช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาอยู่ในโรงพยาบาลโดย   เธอชื่อว่าคุณสุภีโดยเธอย้ายมาอยู่ที่นิวยอร์กเป็นเวลาหลายปีแล้วโดยใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของเธอที่อเมริกานี้โดยมีอาชีพเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์กซึ่งตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเธอก็อุทิศตนเองดูแลคนป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลมาโดยตลอดทำให้ในที่สุดแล้วเธอก็ต้องติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

จากคนไข้ที่เธอดูแลรักษาพยาบาลอยู่และเมื่อติดเชื้อก็ทำให้เธอมีอาการป่วยจนในที่สุดเธอก็เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าและเรื่องราวนี้ได้มีการแชร์ต่อกันมาในกลุ่มของคนไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกาเพื่อเป็นการแสดงความเสียใจและเป็นการแสดงความขอบคุณนางฟ้าอีกคนหนึ่งซึ่งเราได้มีการสูญเสียไปอย่างไม่มีวันได้เธอกลับคืนมา

            สำหรับอาชีพหมอและพยาบาลเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงอยู่แล้วในการที่จะติดเชื้อโรคต่างๆหากไม่ดูแลตนเองแต่ในขณะเดียวกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าก็เป็นอันตรายต่ออาชีพหมอและพยาบาลเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าหมอและพยาบาลจะมีการดูแลตนเองมากแค่ไหนแต่ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นเครื่องมือทางการแพทย์ค่อนข้างขาดแคลนที่สำคัญหน้ากากอนามัยหรือแม้แต่เจลล้างมือก็ไม่ค่อยให้มีให้หมอและพยาบาลไว้ค่อยใช้งานเนื่องจากโดยปกติแล้วประเทศสหรัฐอเมริกาไม่เคยประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของโรคระบาดมาก่อนจึงไม่มีมาตรการที่ป้องกันเกี่ยวกับโรคระบาด

และไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรซึ่งต่างจากที่รู้ตัวไว้แล้วว่าอาจจะต้องมีการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันถึงจะไม่ติดเชื้อก็สายไปซะแล้วเพราะปัจจุบันหน้ากากอนามัยสำหรับในต่างประเทศนั้นเป็นสิ่งของที่หาได้ยากมากผู้คนส่วนใหญ่แทบจะไม่มีใส่รวมถึงหมอและพยาบาลก็แทบจะไม่มีใช้และจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสกรุณาก็มีมากด้วย

เนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัยเพราะมั่นใจว่าตนเองจะไม่ติดเชื้อโดยความคิดของคนอเมริกาส่วนใหญ่คิดว่าคนที่ใส่หน้ากากอนามัยคือคนที่ติดเชื้อนั่นเองจึงทำให้เชื้อโรคนี้มีการแพร่ขยายไปเรื่อยๆและไม่สามารถควบคุมได้อยู่ในขณะนี้ และถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆบุคลากรทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาก็จะเสียชีวิตจากการติดเชื้อลงไปเรื่อยๆเช่นเดียวกัน

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk888

โจนูโว ดูถูกมนุษย์ด้วยกัน

โจนูโว ดูถูกมนุษย์ด้วยกัน คนที่ควรตายไม่ใช่โรคโควิค-19แต่จะตายเพราะดูถูกมนุษย์

ปรากฏว่าวันนี้เรื่องที่มันไม่ควรจะมาเป็นเรื่องก็คือ คุณ โจนูโว อดีตนักร้องดังซึ่งเคยเป็นขวัญใจของวัยรุ่นทั้งหลายที่ได้เคยโด่งดังไปเมื่อ20-25ปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงนี้เขาก็ไม่ได้มีผลงานออกมานาน แต่เมื่อ25ปีที่แล้ว  โจนูโว ก็คือขวัญใจหญิงสาวทั่วประเทศที่ทำเอาผู้หญิงทั้งหลายที่ได้เห็น พี่โจนูโวที่ไหนอันเป็นจะต้องกรี๊ดที่นั่น โจนูโวไม่ค่อยโด่งดังในเรื่องของผลงานทางงานเพลงแต่ก็มักจโด่งดังในเรื่องของการแสดงความคิดเห็นและหลายครั้งการที่ได้ไปแสดงความคิดเห็นของ โจนูโว นั้น

มันได้เป็นความเห็นที่แบบที่มันไม่ค่อยดูจะเป็นประชาธิปไตรมันได้เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ประชาชนทั้งหลายมองว่ามันได้ดูหมิ่นเหยียดหยามคนจนสังคมมองว่ามันได้เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามความเป็นมนุษย์หรือว่าแม้กระทั่งไปดูถูกคนที่ด้อยโอกาสกว่าในสังคม ล่าสุด คุณ โจนูโว ก็ได้ถูกเปิดเผยในโซเชียลมีเดียว่าได้ โพสในอินสตาแกรม ในเวลาที่คนทั้งประเทศยากลำบากในเวลาที่คนทั้งประเทศกลัวจะตายเพราะโควิดในเวลาที่คนยากจนกลัวจะอดตายกลัวจะไม่มีการทำกิน และได้มี ผู้ใช้อินสตาแกรม คนหนึ่งได้โพสไปยังอินสตาแกรมของ คุณโจนูโว ว่า กลัวเหลือเกินว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิส

จะทำให้ทำมาค้าขายไม่ได้มาตรการเยียวยาไม่ทั่วถึงประชาชนเดือดร้อนจะฆ่าตัวตายทั้งหมดด้าน ( คุณโจนูโว ตอบว่า  ตายได้ก็ตายไปเลยเพราะมันเป็นเรื่องตามธรรมชาติเหมือน ทฤษฎี ชาร์สดาร์วิน คนที่ด้อยกว่าก็จะตายไป ) หลังจากนั้นก็ยังมีประชาชนเข้ามาระบายความทุกข์ต่างๆอย่างมากมาย

อยากจะทำมาหากินอยากจะทำมาค้าขาย ( คุณโจนูโวก็ตอบว่า จะไปขายอะไรจะขายตอนนี้มันจะมีคนซื้อมั้ย ไอสันดานคนไทยมันไม่ได้เรื่อง ไปเที่ยวก็ไม่กักตัว ไปดูมวยดื่มเหล้าแก้วเดียวกันไม่มีวินัย จนทำให้ต้องบานปลาย สันดานดีๆแบบนี้ทำเอาคนชั่วกันเป็นแถว ) หลังจากนั้นก็พูดต่อว่า ทุกจุดบนโลกธรรมชาติคัดสรรใครควรอยู่ใครควรตายต้องคิดกันเองว่าใครควรอยู่ใครควรตาย งดขายเหล้ารวยขึ้นมาทั้งทีตอนนั้นราคาไข่แพงก็บ่นแต่พองดขายเหล้าก็รีบไปกักตุนรีบไปซื้อเหล้าเพราะฉะนั้นก็ตำนิคนไทยแบบที่สังคมนั้นได้มองว่าคุณโจนูโวไล่คนไปตาย หลังจากผู้ที่ใช้อินสตาแกรมบอกว่าหากินฝืดเคืยงจังเลยถ้ารัฐบาลเยียวยาไม่ทั่วถึงนั้นจะต้องได้ฆ่าตัวตายเหมือนกันหมดแน่ๆ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8 ดีไหม

พ่อฆ๋าแม่ต่อหน้าลูกวัย  3 ขวบ

           เมื่อวันที่ 12 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 ช่วงเวลาประมาณ 12:00 นมีชาวบ้านได้มีการแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีผู้ก่อเหตุฆ่ากันตายที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งหลังโรงงานในจังหวัดราชบุรีซึ่งน่าจะมีเดินทางไปถึงก็พบว่ามีผู้เสียชีวิต หนึ่งคงเป็นแค่ผู้หญิงและยังมีคู่บาดเจ็บอีก 1 คนจากการกินยาพิษพบว่าอาการสาหัสอีก 1 คน

จึงได้รีบนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลหลังจากนั้นจึงได้มีการสอบถามเรื่องราวกับผู้ที่เห็นเหตุการณ์โดยเพื่อนบ้านหลายคนได้ให้การตรงกันว่าหญิงชายทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันซึ่งทั้งคู่นั้นมีลูกด้วยกัน 1 คนอายุประมาณ 3 ขวบ

โดยฝ่ายชายชื่อว่านายธนพลและฝ่ายหญิงชื่อว่านางสาวน้องนุชซึ่งทั้งคู่นั้นปกติดูรักใคร่กันดีไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อนแต่ก่อนหน้านี้ประมาณแค่เพียงไม่กี่วันสักประมาณวันที่ 10 เดือนพฤษภาคมเพื่อนบ้านได้เห็นว่าทั้งคู่มีปากเสียงกันโดยได้ยินคร่าวๆว่าทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องที่ฝ่ายหญิงมีการไปโพส Facebook ส่วนตัวระบุสถานะว่าตนเองโสดทำให้ฝ่ายชายรู้สึกไม่พอใจจึงได้เดินมาต่อว่าและมีการทะเลาะกันอย่างรุนแรงเพราะทั้งคู่ยังคงเป็นสามีภรรยา

และยังไม่ได้เลิกลากันฝ่ายชายจึงรู้สึกหวงเพราะฝ่ายหญิงนอกจากระบุสถานะว่าเป็นโสดแล้วยังมีการคุยกับผู้ชายคนอื่นอีกด้วยหลังจากที่มีการทะเลาะกันเกิดขึ้นฝ่ายชายก็เก็บเสื้อผ้าออกจากห้องเช่าพร้อมทั้งนำลูกวัย 3 ขวบออกไปด้วยแต่ผ่านไปแค่เพียงหนึ่งคืนเท่านั้นฝ่ายชายก็กลับมาอยู่กับภรรยาเหมือนเดิมและต่อมาวันที่ 11 เดือนพฤษภาคม

ก็มีการทะเลาะกันอีกครั้งหนึ่งซึ่งเรื่องของการทะเลาะกันก็ยังเป็นเรื่องเดิมโดยครั้งนี้ฝ่ายหญิงได้มีการบอกกับสามีของตนเองว่าได้หมดรักสามีแล้วพร้อมทั้งเธอยังบอกกับเพื่อนบ้านอีกด้วยว่าเธอไม่ได้รักสามีของเธอแล้วซึ่งเพื่อนบ้านคิดว่าเธอน่าจะกำลังอยากจะเลิกกับสามีของตนเองซึ่งหลังจากที่สามีคิดถึงผู้ก่อเหตุได้ยินภรรยาพูด

ดังนั้นก็เกิดการทะเลาะกันอีกครั้งหนึ่งและได้มีการเก็บข้าวของและพาลูกวัย 3 ขวบออกจากบ้านอีกรอบต่อมาวันที่ 12 ช่วงเวลาเที่ยงก็นำลูกกลับมาบ้านเช่าอีกรอบหนึ่งและกลับมาทะเลาะกันอีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นช่วงในเวลาที่เกิดเหตุซึ่งในตอนเกิดเหตุนั้นลูกวัย 3 ขวบก็นั่งอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยโดยหลังจากที่ทั้งคู่มีการทะเลาะกันอย่างรุนแรงฝ่ายผู้ชายได้ใช้มีดแทงภรรยาจนเสียชีวิต

หลังจากนั้นตัวฝ่ายสามีเองก็นำยาพิษที่มีสีเขียวมาดื่มเพื่อหวังที่จะฆ่าตัวตายตามภรรยาของตนเมื่อชาวบ้านได้มาเห็นเหตุการณ์จึงได้มีการแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาที่เกิดเหตุดังกล่าวซึ่งชาวบ้านหลายคนต่างก็บอกว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นและที่สำคัญนายชนะพลไม่น่าที่จะก่อเหตุต่อหน้าลูกเพราะลูกอายุ 3 ขวบแล้วเขาสามารถรับรู้เรื่องราวได้แล้วและภาพที่พ่อฆ่าแม่จะกลายเป็นภาพที่ฝังใจลูก ไปจนโต

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ทางเข้าbk8