เพื่อนบ้านเปิดศึกยิงกัน  คนเปิดศึกก่อนถูกยิงสวน ได้รับบาดเจ็บ 

           เมื่อวันที่ 21 เดือนมิถุนายนปีพ.ศ. 2564 ช่วงเวลาประมาณ 12:45 น. เพื่อนบ้านเปิดศึกยิงกัน  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. สายไหม ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ภายในซอยเพิ่มสิน 34   โดยเหตุการณ์ยิงกันในครั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายและได้ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงยังจุดเกิดเหตุนั้นพบร่องรอยของอาวุธปืนกระสุนและผู้ที่ก่อเหตุก็ยืนรอมอบตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุนั้นเอง

          จากการสอบสวนชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุนั้นต่างก็ให้ข้อมูลว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้นอายุประมาณ 64 ปีชื่อว่านายบัญชาโดยเป็นอดีตข้าราชการทำงานอยู่ที่การรถไฟแต่ในบัญชานั้นเป็นคนนิสัยอารมณ์ร้อนชอบโวยวายและหาเรื่องชาวบ้านใครผ่านไปผ่านมาหน้าบ้านก็มักจะถูกนายบัญชาด่าเป็นประจำจนทำให้คนในหมู่บ้านไม่อยากจะสุงสิงกับนายบัญชา

         เพื่อนบ้านเปิดศึกยิงกัน ส่วนคนที่ลงมือก่อเหตุยิงนายบัญชานั้นเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกับบ้านของนายบัญชาและเป็นคนดีซึ่งคนในหมู่บ้านนั้นรักใคร่เป็นอย่างมากเพราะคอยช่วยเหลือคนในหมู่บ้านอยู่ตลอดเวลา

        สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีกล้องวงจรปิดของหมู่บ้านสามารถจับภาพได้อย่างชัดเจนพร้อมกับคำให้การของชาวบ้านโดยระบุว่านายบัญชาได้ขับรถกลับมาที่บ้านหลังจากจอดรถแล้วในบัญชาก็ได้มีการไปยืนหน้าบ้านของมือปืนหลังจากนั้นก็ได้ตะโกนด่าทอภรรยาของมือปืนส่วนภรรยาของนายบัญชานั้นหลังจากลงจากรถก็ได้เดินเข้าไปในบ้านแล้วหยิบเอาปืนมาส่งให้กับนายบัญชา

          หลังจากนั้นนายบัญชาก็หันกระบอกปืนไปที่ภรรยาของ มือปืนซึ่งก็คือนายวัลลภและเมื่อนายวัลลภเห็นว่าภรรยาของตนเองจะถูกยิงเขาจึงได้นำอาวุธปืนที่อยู่ในบ้านยิงสวนไปที่นายบัญชาทันทีทำให้นายบัญชาถูกเอาวุฒิปืนยิงไปที่ท้องเมื่อถูกยิงในบัญชาก็รีบขึ้นรถและขับรถพาตัวเองไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลทันทีส่วนทางด้านนายวัลลภที่เป็นคนยิงในบัญชาก็โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มายังจุดเกิดเหตุ

         อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนี้ชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านดังกล่าวต่างก็พากันอยากจะให้นายบัญชาย้ายออกไปจากหมู่บ้านหลังจากที่รักษาตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วและทุกคนต่างก็พากันหวาดกลัวนายบัญชามากเพราะเป็นคนที่นิสัยอารมณ์ร้อนและชอบด่าทอคนในซอยและในหมู่บ้านมีนิสัยก้าวร้าวชอบหาเรื่องคนอื่นดังนั้นจึงไม่อยากให้นายบัญชาย้ายกลับมาอยู่เพราะนายบัญชามีอาวุธปืนเกรงว่าหากไม่พอใจใครก็อาจจะทำร้ายคนในหมู่บ้านได้  ส่วนนายวัลลภ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาเรียบร้อยแล้ว

 

สนับสนุนโดย.    แทงหวยจับยี่กี

ตำรวจ งง ป้าบอกหญิงสาวส่งกระแสจิตให้ป้าเจ็บเท้า

 เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่สิบสองซึ้งตอนนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนอยู่ที่บ้านปกติแต่เมื่อถึงเวลาตีหนึ่งอยู่ๆเธอได้ยินเสียงรถ ตำรวจใกล้มากราวกับว่าอยู่ที่หน้าบ้านของเธอนี้เองแต่เพราะเธอง่วงมากจึงไม่สนใจอะไรและนอนหลับต่อแต่อยู่ๆเธอก็ได้ ยินเสียงมีผู้ชายตะโกนแรกเธอจึงลุกจากเตียงไปดูที่หน้าต่าง

และเห็นรถตำรวจอยู่ที่หน้าบานของเธอซึ้งก็มีป้าคนหนึ่งซึ้งก็คือป้าข้างบ้านของเธอเองค่ะ เธองงมากจึงลงไปที่ด้านล้างบ้านและเมื่ออกไปตำรวจบอกว่าป้าข้างบ้านแจ้งความเธอใน ข้อหาที่กวนในตอนกลางคืน ซึ้งหญิงสาวคนนั้นไม่ได้ออกจากบ้านเลยหลังจากเวลาหนึ่งทุ่มดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไป กวนป้าข้างบ้านเธอจึงถามป้าไปว่า กวนยังไง

ซึ้งป้าข้างบ้านก็ตอบว่า หญิงสาวส่งกระแสจิตไปหาป้าที่บ้านและทำให้เธอ เจ็บเท้าซึ้งหลังจากนั้นเธอก็งงเป็นอย่างมากเนื่องจากมันเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องเพราะแค่เท้าเจ็บซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดย ธรรมชาติไม่เกี่ยวกับว่าเธอไปกวนอะไรทั้งนั้นและนอกจากนั้นเธอก็ไม่ใช่เอเลี่ยนเป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถที่จะส่ง กระแสจิตไปหาใครได้

ซึ่งนอกจากนั้นเธอยังบอกอีกว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเธอต่างหากที่เป็นคนที่คุณจะแจ้งข้อหากับป้าคนนั้น เนื่องจากป้าคนนั้นมักจะเรียกชื่อของเธอตอนประมาณ 03:00 น.หรือ 04:00 น.และนอกจากนั้นยังชอบทุบบ้านทุบกำแพง ของบ้านตนเองจนเสียงมันมาหาที่บ้านคนอื่นแต่เวลาตักเตือนป้าก็ไม่ฟังเอาแต่เถียงว่าตัวเองไม่ผิด ซึ้งทุกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร

และไม่คิดแจ้งตำรวจด้วยซ้ำ ในตอนนั้นหญิงสาวคิดว่าป้าข้างบ้านของเธออาจจะป่วยทางจิตได้และนอกจากนั้นป้ายังบอก ว่าเธอนั้นเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มาจากโลกอื่นซึ้งตอนนั้นทั้งหญิงสาวและตำรวจต่างก็งงกับความคิดของคุณป้าเป็นอย่างมากซึ้งหลังจากนั้นทางตำรวจได้พยามบอกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช้มนุษย์ต่างดาวแต่คุณป้ากลับไม่เชื่อและยังบอกอีกว่า ตำรวจเป็นเอเลี่ยนเหมือนกัน

เรื่องนี้หลังจากที่หลายคนก็ได้เห็นคลิปทุกคนต่างก็งงกับคุณป้าเป็นอย่างมากและหลายคนคิดว่าคุณป้าอาจจะเป็นบ้าค่ะ เรื่องนี้เราก็ไม่อาจจะรู้ว่าป้าคนนี้ทำแบบนี้เพื่อกวนประสาทหญิงสาวเท่านั้นหรือว่าทำเพราะคุณป้าเป็นป่วยทางจิตกันแน่

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8 โบนัส 100

สุดอาลัย การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่พยาบาลคนไทย

สุดอาลัย การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่พยาบาลคนไทยที่ไปรักษาผู้ป่วยอยู่ที่อเมริกา ป่วยติดเชื้อโควิดจนตาย

               มีคนไทยที่ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศเป็นจำนวนมากซึ่งแต่ละคนก็มักจะมีอาชีพแตกต่างกันออกไปและหนึ่งในอาชีพที่อยู่ในความเสี่ยงในขณะนี้ก็คืออาชีพหมอและพยาบาลซึ่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเองก็มีคนไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นพร้อมกับครอบครัวโดยเธอประกอบอาชีพเป็นพยาบาลอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์กซึ่งที่นี่เป็นจุดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่ารักที่สุดโดยที่มีจำนวนพี่ติดเชื้อแล้วมากกว่า 30,000 คนในขณะเดียวกันมีคนที่ติดเชื้อแล้วเสียชีวิตอีกมากกว่า 15,000 คน สำหรับเรื่องราวที่เราจะพูดกันอยู่ในวันนี้นั่นก็คือการที่ครอบครัวครอบครัวหนึ่งต้องเสียคนที่รักไปนั่น

ก็คือพยาบาลผู้มีจิตใจเมตตาที่คอยช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาอยู่ในโรงพยาบาลโดย   เธอชื่อว่าคุณสุภีโดยเธอย้ายมาอยู่ที่นิวยอร์กเป็นเวลาหลายปีแล้วโดยใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของเธอที่อเมริกานี้โดยมีอาชีพเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์กซึ่งตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเธอก็อุทิศตนเองดูแลคนป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลมาโดยตลอดทำให้ในที่สุดแล้วเธอก็ต้องติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

จากคนไข้ที่เธอดูแลรักษาพยาบาลอยู่และเมื่อติดเชื้อก็ทำให้เธอมีอาการป่วยจนในที่สุดเธอก็เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าและเรื่องราวนี้ได้มีการแชร์ต่อกันมาในกลุ่มของคนไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกาเพื่อเป็นการแสดงความเสียใจและเป็นการแสดงความขอบคุณนางฟ้าอีกคนหนึ่งซึ่งเราได้มีการสูญเสียไปอย่างไม่มีวันได้เธอกลับคืนมา

            สำหรับอาชีพหมอและพยาบาลเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงอยู่แล้วในการที่จะติดเชื้อโรคต่างๆหากไม่ดูแลตนเองแต่ในขณะเดียวกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าก็เป็นอันตรายต่ออาชีพหมอและพยาบาลเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าหมอและพยาบาลจะมีการดูแลตนเองมากแค่ไหนแต่ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นเครื่องมือทางการแพทย์ค่อนข้างขาดแคลนที่สำคัญหน้ากากอนามัยหรือแม้แต่เจลล้างมือก็ไม่ค่อยให้มีให้หมอและพยาบาลไว้ค่อยใช้งานเนื่องจากโดยปกติแล้วประเทศสหรัฐอเมริกาไม่เคยประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของโรคระบาดมาก่อนจึงไม่มีมาตรการที่ป้องกันเกี่ยวกับโรคระบาด

และไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรซึ่งต่างจากที่รู้ตัวไว้แล้วว่าอาจจะต้องมีการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันถึงจะไม่ติดเชื้อก็สายไปซะแล้วเพราะปัจจุบันหน้ากากอนามัยสำหรับในต่างประเทศนั้นเป็นสิ่งของที่หาได้ยากมากผู้คนส่วนใหญ่แทบจะไม่มีใส่รวมถึงหมอและพยาบาลก็แทบจะไม่มีใช้และจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสกรุณาก็มีมากด้วย

เนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัยเพราะมั่นใจว่าตนเองจะไม่ติดเชื้อโดยความคิดของคนอเมริกาส่วนใหญ่คิดว่าคนที่ใส่หน้ากากอนามัยคือคนที่ติดเชื้อนั่นเองจึงทำให้เชื้อโรคนี้มีการแพร่ขยายไปเรื่อยๆและไม่สามารถควบคุมได้อยู่ในขณะนี้ และถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆบุคลากรทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาก็จะเสียชีวิตจากการติดเชื้อลงไปเรื่อยๆเช่นเดียวกัน

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk888

ครูสอนภาษา จัดฉากฆ่าตัวตาย

         หากยังจำกันได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีข่าวออกมาเกี่ยวกับเรื่องของครูสอนภาษาชาวเยอรมันคนหนึ่งซึ่งเป็นเพศชายถูกฆาตกรรมด้วยการใช้อาวุธมีดทำร้ายและบริเวณภายในบ้านพักยังมีร่องรอยการรื้อค้นทำลายข้าวของซึ่งคนที่มาพบศพคนแรกนั้นเป็นอดีตแฟนของครูสอนภาษานั่นเอง

และจากการที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการตรวจสอบหาพยานหลักฐานต่างๆทำให้พบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครูสอนภาษาชาวเยอรมันนั้นเกิดขึ้นโดยมีการจัดฉากขึ้นมาเองจากครูชาวเยอรมันที่ถูกฆ่าตายนั่นเองซึ่งเมื่อมีการเข้าไปพิสูจน์ลายนิ้วมือยังพื้นที่เกิดเหตุนั้นไม่ว่าจะเป็นลายนิ้วมือตรงมีดที่ก่อเหตุตรง

ที่มีการงัดหน้าต่างหรือแม้แต่ตรงกระเป๋าตกเคสโทรศัพท์มือถือร่วงทุกๆที่ในบ้านพักที่เกิดเหตุนั้นไม่พบร่องรอยของคนอื่นเลยมีแต่ร่องรอยลายนิ้วมือของครูสอนภาษาชาวเยอรมันคนเดียวเท่านั้น

ซึ่งทำให้ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตของชายเยอรมันคนดังกล่าวนั้นเกิดจากเขาฆ่าตัวเองและจัดฉากว่ามีคนบุกเข้ามาทำร้ายโดยมีการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่าตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโคโรน่าทำให้ครูสอนภาษาคนดังกล่าวไม่ได้ไปทำงานจึงไม่มีเงินเดือนเข้ามาเป็นค่าใช้จ่ายก่อนหน้านี้มีการติดต่อไปยังแม่ที่อยู่ประเทศเยอรมนีเพื่อขอเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายจำนวน 40,000 บาทแต่ณปัจจุบันแม่ยังไม่สามารถโอนเงินมาให้ได้จึงทำให้ชาวเยอรมันไม่มีเงิน

ที่จะใช้จ่ายในการซื้อหาอาหารมากินและเมื่อแฟนเก่าคือคุณศรีวรรณที่เป็นคนพบศพคนแรกเดินทางมาหาก็ได้มีการมอบเงินให้กับชาวโรมันครูสอนภาษาคนนี้ประมาณ 40 บาทซึ่งเขาได้มีการนำเงินดังกล่าวไปซื้อยาเส้นมาสูบแทนการสูบบุหรี่โดยข้อมูลนี้มีการตรวจพบได้จากกล้องวงจรปิดของร้านค้าและในวันเกิดเหตุก่อนที่จะมีการพบศพครูสอนภาษาชาวเยอรมันชาวบ้านก็ยังเห็นว่าครูคนดังกล่าวยังออกมาทิ้งถังขยะหน้าหมู่บ้านอยู่เลยแสดงให้เห็นว่าตัวเขาเองนั้น

ไม่ค่อยมีเงินใช้เนื่องจากว่าต้องนำเงิน 40 บาทที่ขออดีตภรรยาไปซื้อยาเส้นมาสูบแล้วเมื่อผ่านกระเพาะของผู้เสียชีวิตก็พบว่าในกระเพาะไม่มีอาหารเลยทำให้เห็นได้ว่าตัวครูสอนภาษานี้ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวกินซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะทำให้เขาเกิดความเครียดขึ้นมาจึงได้มีการก่อเหตุฆ่าตัวตายขึ้นแต่เป็นการจัดฉากว่าตนเองถูกทำร้ายแทนที่จะเป็นการฆ่าตัวตายธรรมดาเท่านั้นเอง

 

สนับสนุนโดย  bk8 casino

เตือนภัยสำหรับใครที่คิดจะไปเที่ยวประเทศเวียดนาม

ข่าวคนไทยไปเที่ยวประเทศเวียดนามโดนตบเพราะไม่ให้คนเวียดนามแซงคิว

      มีการเตือนภัยสำหรับใครที่คิดจะไปเที่ยวประเทศเวียดนามให้ระวังคนเวียดนามผ่านสังคมออนไลน์ โดยมีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นคนโพสต์ข้อความแจ้งเตือนภัยดังกล่าว สืบเนื่องจากจากที่เธอและแฟนรวมกับเพื่อนเพื่อนได้มีโอกาสไปเที่ยวทีประเทศเวียดนามในวันหยุดที่ผ่านมาซึ่งเธอบอกว่าเธอและครอบครัวรวมถึงเพื่อนเพื่อนได้ไปเที่ยวจุดที่ให้นักท่องเที่ยวไปถ่ายภาพซึ่งสถานที่ที่ไปนั้นชื่อหมู่บ้านดาลัด พวกเธอจะไปเยี่ยมชมวิธีการทำเครื่องปั้นดินเผาและแถวนั้นมีที่ให้ถ่ายรูปโดยต้องไปถ่ายกันบริเวณกลางสะพานและเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามนักท่องเที่ยวทุกคนจึงต่อแถวเพื่อจะได้เดินไปถ่ายเดี่ยวเดี่ยวกัน

ซึ่งเธอและครอบครัวและเพื่อนของเธอก็พากันยืนต่อแถวรอไปถ่ายรูปกันอยู่ จู่จู่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาแซงคิวเธอทำให้เธอไม่พอใจ ต่อว่าหญิงคนนั้นออกไปทันที่โดยบอกว่าไม่ให้แซงคิวให้ไปต่อแถวเหมือนกับคนอื่นอื่น แต่หญิงคนนั้นตอนกลับมาเป็นภาษาเวียดนามซึ่งเธอไม่ค่อยเข้าใจแต่จับใจความได้แค่ว่าหญิงเวียดนามคนนั้นด่าเธอและเพื่อนเพื่อนว่าเป็นเพียงแค่นักท่องเที่ยว

ควรจะไปยืนรอคนเวียดนามสามารถถ่ายได้เลย แถมหญิงเวียดนามคนดังกล่าวยังได้ไล่เธอและเพื่อนเพื่อนให้ออกจากจุดถ่ายรูปซึ่งพวกเธอไม่อยากมีเรื่องจึงไปต่อแถวแล้วให้หญิงเวียดนามคนนั้นไปถ่ายรูป ซึ่งหลังจากที่เขาถ่ายรูปแล้วและเป็นคิวของเธอและเพื่อนเพื่อนกำลังถ่ายรูปกันอยู่ อยู่ดีดีหญิงเวียดนามคนเดิมก็เดินเข้ามาหาเรื่องอีกรอบโดยบอกว่าให้เธอของโทษที่พูดจาไม่ดีใส่

แต่เธอและเพื่อนเพื่อนมองว่าตัวเองไม่ผิดจึงไม่ยอมขอโทษ ซึ่งก็ได้โต้เถียงกับหญิงเวียดนามไปว่าคนเวียดนามสิที่ต้องขอโทษเพราะมาแซงคิวทำให้หญิงคนดังกล่าวไม่พอใจ ทำการเอาน้ำที่ถืออยู่สาดมาที่ใบหน้าของเธอและจิ๊กหัวเธอพร้อมกับตบหน้าเธออีกด้วย

ซึ่งเธอเองก็สู้ แต่ก็สู้แรงของหญิงเวียดนามไม่ค่อยได้จึงได้บาดแผลมาค่อยข้างเยอะ ซึ่งระหว่างที่กำลังตบตีกันนั้นได้มีไกด์ที่พานักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่นี่อยู่ด้วยจึงได้เข้ามาช่วยเคลียร์ให้แต่ก็ตกลงกันไม่ได้จึงได้พากันไปที่สถานีตำรวจของประเทศเวียดนาม แต่เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถทำอะไรได้

บอกแต่เพียงว่าหากต้องการเอาเรื่องหญิงคนดังกล่าวต้องส่งเรื่องขึ้นศาลซึ่งต้องใช้เวลาหลายวันแต่พวกเธอมาเที่ยวไม่กี่วันจึงไม่อยากเสียเวลา สรุปจึงทำอะไรหญิงคนนั้นไมได้ ดังนั้นเธอจึงฝากเตือนคนที่จะไปเที่ยวว่าหากคนเวียดนามจะแซงคิวก็ปล่อยไปเพราะหากมีเรื่องกันตำรวจก็ช่วยเราไม่ได้