กินเหล้าแล้วเกิดแตกคอกัน ขวานจามเพื่อนร่วมร่วมวงเหล้าตายคู่

     ที่จังหวัด หนองบัวลำภู  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านของหมู่บ้านโนนธาตุพัฒนาว่ามีผู้ก่อเหตุฆ่ากันตายโดยมีคนเสียชีวิตจำนวนทั้งหมด 2 คนด้วยกันหลังจากรับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปถึงบ้านที่เกิดเหตุหลังดังกล่าวพร้อมกับทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพร้อมครั้งต่อปากคำชาวบ้านที่เป็นคนโทรไปแจ้ง

           โดยคนที่โทรไปแจ้งได้เล่าให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าผู้ที่ก่อเหตุนั้นเป็นเจ้าของบ้านหลังที่เกิดเหตุ  ก่อนที่จะพบร่างของคนเสียชีวิตนั้นคนก่อเหตุได้เดินมาเล่าให้ตนเองฟังว่าได้มีการฆ่าคนตายไป 2 คนซึ่งในตอนแรกนั้นเธอไม่เชื่อเนื่องจากว่าชายคนดังกล่าวนั้นมักจะมาเล่าเรื่องราวแบบนี้อยู่เป็นประจำและเป็นคนสติไม่ดีแต่หลังจากผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง

เธอได้สังเกตเห็นอาการของชายที่ก่อเหตุว่ามีการกินเหล้าไปแล้วร้องไห้ไปเธอจึงได้สั่งให้เพื่อนบ้านที่เป็นผู้ชายลองเข้าไปดูสถานการณ์ภายในบ้านหลังเกิดเหตุเมื่อเข้าไปถึงก็พบว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 คนเสียชีวิตอยู่ในบ้านโดยผู้เสียชีวิตคนแรกชื่อว่านางดวงรัตน์ส่วนอีกคนนึงชื่อว่านายบุญช่วง    

        สำหรับลักษณะของศพนั้นพบว่าถูกขวานตามไปที่หัวจนเป็นเหตุให้เกิดความตายโดยในบริเวณที่เกิดเหตุนั้นพบว่ามีการตั้งวงดื่มสุรากันซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากการที่ทะเลาะเบาะแว้งกันหลังจากที่มีการดื่มสุราเมามายแล้วอย่างไรก็ตามทางด้านคนในหมู่บ้านและบอกว่าในวันนี้หมู่บ้านมีการจัดงานบุญทอดกฐินขึ้นทำให้หลังจากเสร็จงานบุญแล้วเพื่อนบ้านต่างก็พากันมาเลี้ยงสังสรรค์ซึ่งทั้ง 3 คนโดยมีผู้เสียชีวิต 2 คนและผู้ต้องหาอีก 1 คนมานั่งร่วมวงกินเหล้ากัน

        เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาก็คือนายจูลาซึ่งเป็นเจ้าของบ้านด้วยเพื่อไปสอบปากคำ  โดยเบื้องต้นนั้นนายจูลา ไห้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าทั้งสองคนเสียชีวิตเอง  ส่วนสาเหตุของการลงมือนั้นเกิดจากการที่เขาไม่พอใจที่ทั้งสองคนได้ขโมยเงินของเขาไปเพื่อนำมาซื้อเหล้าจึงเกิดการมีปากเสียงและทะเลาะกันและเขาก็ได้นำขวานที่มีอยู่ภายในบ้านฝันไป

ที่หัวผู้เสียชีวิตทั้งของคนจนเสียชีวิตหลังจากนั้นก็นำเหล้าออกมานั่งกินเล่นอยู่หน้าบ้านคนเดียวจนไปเจอเพื่อนบ้านพี่ไปแจ้งความกับตำรวจแล้วเขาก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เพื่อนบ้านฟังจนเพื่อนบ้านโทรแจ้งตำรวจให้มาจับกุมเขานั่นเอง

 

 

สนับสนุนโดย  เปิดยูส ขั้นต่ำ 100

ปัญหาของคนในวัยทำงานกับองค์กร

             ปัญหาเกี่ยวกับคนในวัยทำงานนั้นมีมากมายหลายปัญหาด้วยกันอีกหนึ่งปัญหาที่เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยนั่นก็คือเมื่ออยู่ในช่วงเวลาของการทำงานแล้วมีธุระจำเป็นอย่างเร่งด่วนกับทางบ้านต้องขอลางานกับหัวหน้างานแต่กลับถูกปฏิเสธไม่ให้หยุดงานหลายคนมีครอบครัว  มีพ่อแม่ที่แก่ชราและมีลูกเล็กซึ่งบางครั้งพวกเขาเหล่านั้นอาจจะเกิดอาการไม่สบายจำเป็นต้องไปหาหมอและจำเป็นที่จะต้องมีคนคอยดูแล 

            คนที่อยู่ในวัยทำงานนั้นหากจำเป็นต้องลางานหยุดดูแลพ่อแม่ที่ป่วยหรือพาลูกพี่ไม่สบายไปหาหมอจะไม่สามารถหยุดงานได้อยู่บ่อยครั้งเนื่องจากว่าทางด้านบริษัทเองก็มีกฎระเบียบของบริษัทเกี่ยวกับเรื่องของการหยุดทำงาน การลางานเช่นเดียวกัน  หากมีการหยุดบ่อยเกินไปก็ถือว่าเป็นการทำผิดกฎของบริษัทและจะไม่สามารถที่จะเรียกร้องได้หากบริษัทนั้นมีการแจ้งไล่ออก 

        อย่างเช่นชายคนหนึ่งที่เขาได้มีการโพสต์ข้อความของเขาเมื่อปีที่แล้วในขณะที่เขาทำงานอยู่ในองค์กรขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศสิงคโปร์โดยเข้าเล่าว่าพ่อของเขานั้นเป็นโรคมะเร็งป่วยหนักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในเช้าวันหนึ่งทางโรงพยาบาลโทรมาติดตามให้เขาไปหาพ่อเนื่องจากว่าพ่อของเขานั้นอาการทรุดอาจจะเสียชีวิตเมื่อไหร่ก็ได้แต่เมื่อเขาไปแจ้งความจำนงกับทางหัวหน้างานปรากฏว่าหัวหน้างานไม่ให้เขาลาหยุด  

             ซึ่งเขาพยายามเข้าไปคุยกับหัวหน้างานเขาถึง 3 รอบด้วยกันโดยในรอบแรกนั้นช่วงเวลา 9:40 น   และรอบที่ 2 นั้นเป็นช่วงเวลา 10:30 น ซึ่งครั้งที่ 2 นี้คุณหมอในโรงพยาบาลได้โทรมาตามให้เขารีบไปดูอาการของพ่อด่วนเนื่องจากว่าตอนนี้คุณหมอกำลังปั๊มหัวใจให้กับคุณพ่อของเขาแล้วแต่เมื่อไปขอร้องหัวหน้างานเขาก็ถูกปฏิเสธกลับมาเหมือนเดิมจนครั้งที่ 3 ที่ทางโรงพยาบาลติดตามมาหาเขาอีกครั้งนึงก่อน 11:30 น ที่เขาเข้าไปคุยกับทางหัวหน้างานว่าเขาจำเป็นต้องไปโรงพยาบาลจริงๆและตอนนี้แม่ของเขารออยู่ที่โรงพยาบาลแล้วแต่ทางด้านหัวหน้างานก็ไม่ยอมให้เขาไป 

                เขาได้เฝ้าขอร้องหัวหน้างานอยู่นานจนในที่สุดหัวหน้างานก็อนุญาตให้เขาไปโรงพยาบาลแต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถไปทันเพราะพ่อของเขานั้นได้เสียชีวิตลงแล้วอย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาการงานศพของพ่อของเขาเรียบร้อยแล้วกลับมาทำงานเหมือนเดิมปรากฏว่าหลังจากนั้นอีก 1 อาทิตย์ทางบริษัทก็ได้เขาออกจากงานทันทีโดยให้เหตุผลว่าเขาหยุดงานหลายวันโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตซึ่งในตอนแรกนั้นเขาไม่ได้มีการออกมาเรียกร้องใดๆแต่เมื่อผ่านไปเป็นระยะเวลา 1 ปีเขาจึงได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่องนี้ให้คนในโลกออนไลน์ได้รู้ถึงปัญหาสังคมของคนทำงานว่าหากต้องทำงานกับบริษัทแล้วความเป็นส่วนตัวของคุณก็จะหายไปทันที

               สำหรับเรื่องนี้ทางด้านผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวรับทราบเรื่องราวและมีการตรวจสอบแล้วและได้มีการติดต่อมาทางชายคนดังกล่าวเพื่อขอโทษอย่างเป็นทางการแล้วซึ่งทางบริษัทมีการรับปากว่าจะมีการเพิ่มช่องทางให้พนักงานระดับล่างนั้นได้มีโอกาสทำเรื่องร้องเรียนหรือชี้แจงหากต้องการหยุดงานหรือถูกกลั่นแกล้งในที่ทํางานเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น 

         

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    แทงบอลออนไลน์ ภาษาไทย

นิวยอร์กผุดไอเดียใหม่

      ประเทศสหรัฐอเมริกาในมหานครนิวยอร์กซิตี้ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งได้มีการคิดค้นรูปแบบการเว้นระยะห่างกันด้วยการนำไอเดียเก๋ๆมาไว้ที่สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นที่ว่านี้ก็คือการวาดวงกลมขนาดใหญ่ไว้ที่บริเวณสนามซึ่งสถานที่แห่งนี้ชาวเมืองนครนิวยอร์กมักจะพากันเดินทางมาอาบแดดหรือไม่ก็มาออกกำลังกายกันที่นี่ซึ่งเมื่อมีวงกลมวิวชาวเมืองก็เว้นระยะห่างทางสังคมด้วยการอยู่ภายในวงกลมของตนเอง

ซึ่งถ้าหากมาคนเดียวก็จะอยู่คนเดียวหรือถ้าหากมาเป็นกลุ่มก็จะอยู่กันเป็นกลุ่มแต่เนื่องจากว่าวงกลมไม่ได้ใหญ่มากนะเพราะฉะนั้นในวงกลมนึงก็จะมีคนอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นทำให้การรักษาระยะห่างระหว่างกันจึงเป็นผลไปในทางที่ดีซึ่งการใช้ชีวิตแบบนี้คือการใช้ชีวิตในแบบวิถีใหม่ของคนในสังคมนิวยอร์กเนื่องจากตอนนี้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้น

ยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมากที่สวนสาธารณะโดโน ปาร์ค  มันเป็นสวนสาธารณะของทางเอกชนจึงได้มีการพูดได้เดือนนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะได้ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าด้วยและยังช่วยลดความแออัดของคนแน่นอนว่าการที่ทำแบบนี้จะทำให้แต่ละคนนั้นเว้นห่างกันเพราะวงกลมแต่ละวงนั้นจะห่างกันประมาณ 1.5 เมตร

ซึ่งทุกคนจะต้องทำกิจกรรมของตัวเองอยู่ภายในวงกลมนั้นเท่านั้นและเมื่อมีวงกลมนี้เกิดขึ้นในสวนสาธารณะประชาชนต่างก็ให้ความร่วมมือทุกคนก็จะทำกิจกรรมของตนเองไม่อยู่ปะปนกันซึ่งวิธีการทำเช่นนี้จะเป็นการจำกัดจำนวนคนโดยอัตโนมัติพี่จะไม่ให้จำนวนคนอยู่ติดกันหนาแน่นจนเกินไปแต่อย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงแค่สถานที่เริ่มต้นในเมืองนิวยอร์กเท่านั้นยังมีสถานที่อื่นๆ

ที่ยังไม่ได้มีการนำแบบนี้ไปใช้เมื่อรัฐบาลได้เพียงแค่ประกาศว่าหากใครจะออกนอกบ้านก็ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยและยังให้เน้นการอยู่แต่ในบ้านเท่านั้นซึ่งอันที่จริงแล้วคนส่วนใหญ่ไม่ชอบอุดอู้อยู่แต่ในบ้านพวกเขาต้องการออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านหรือมาผ่อนคลายนอกบ้านเช่นการอัพเดตหรือการหาหนังสือมานอนอ่านใต้ร่มไม้ดังนั้นเมื่อไม่สามารถจำกัดคนให้อยู่แต่ในบ้านได้การออกมาจำกัดพื้นที่การทำผิดเขาจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้  

สำหรับสหรัฐอเมริกานั้นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่ามากที่สุด    และยังมีผู้เสียชีวิตจำนวนหลายหมื่นคนซึ่งทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือกันในการที่จะหยุดยั้งการระบาดของไวรัสโคโรน่าผู้คนในประเทศจีนจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติได้นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  พนันออนไลน์ ฝากขั้นต่ํา100

ผัดกระเพรายุค 2020 ถุงละ120 บาท

       กำลังเป็นที่ฮือฮากันในโลกออนไลน์เมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งได้มีการโพสต์ภาพกับข้าวซึ่งเธอระบุว่าถุงกับข้าวดังกล่าวนั้นเป็นผัดกระเพราหมูสับโดยเธอมีการซื้อมาจากร้านค้าที่ตั้งเป็นแผงลอยขายของที่จังหวัดชลบุรีเจอร้านดังกล่าวนั้นเธอซื้อมาจากเขตพื้นที่บ้านแหลมฉบังซึ่งระบุราคาว่าผัดกระเพราถุงดังกล่าวนั้นเธอซื้อมาในราคา 120 บาทซึ่งตัวเธอเองนั้นมองว่าค่อนข้างมีราคาสูงมากจนเกินไปซึ่งหลังจากที่โพสต์นี้มีการแชร์กันออกมาในโลกออนไลน์

ก็ทำให้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงราคาผัดกระเพราหมูสับว่ามีราคาที่สูงเวอร์ผิดปกติซึ่งโดยปกติแล้วถ้ากระเพราหมูสับถุงขนาดนี้ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่ราคาประมาณ 50 บาทถึง 60 บาทเท่านั้นซึ่งก็ถือว่าแพงมากแล้วเพราะไม่ได้มีส่วนผสมอะไรที่จะทำให้สามารถอัพราคาขึ้นได้ถึง 120 บาทเลยอย่างไรก็ตามทางด้านเจ้าของโพสต์ได้มีการเขียนข้อมูลเพิ่มเติมว่าหลังจากที่เธอได้พบเรื่องราวราคากระเพราหมูสับออกไป

เจ้าของร้านก็ได้ติดต่อมาขอโทษเธอพร้อมทั้งอยากจะทำเรื่องคืนเงินให้กับเธอแต่ให้เธอนั้นคืนกระเพราหมูสับกับไปให้กับทางร้านด้วยซึ่งเธอนั้นไม่สามารถที่จะคืนกระเพราหมูสับให้ได้เพราะเธอนั้นได้กินไปหมดแล้ว  ทางด้านแม่ค้าร้านกระเพราหมูสับเองก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่าตนเองนั้นได้มีการขอโทษลูกค้าไปแล้ว

และยินดีที่จะคืนเงินให้ถ้าหากลูกค้าจะคืนกระเพราหมูสับมาให้กับทางร้านที่สำคัญทางร้านไม่เข้าใจที่ลูกค้าโพสต์ข้อความแบบนี้ออกไปเพราะทางร้านมองว่าตอนที่ลูกค้าซื้อกระเพราหมูสับไปนั้นก็จ่ายเงินให้กับร้านปกติแต่ทำไมเมื่อไปถึงที่บ้านกับโพสต์ต่อว่าร้านโดยถ้าหากลูกค้าไม่พอใจลูกค้าควรจะแจ้งทางร้านตั้งแต่อยู่ที่ร้านจะได้ไม่ต้องมีการซื้อขายกันเกิดขึ้นและทางร้านเองก็รู้สึกไม่พอใจที่ลูกค้าได้มีการนำข้อความสนทนาในโปรแกรมแชทไปแชร์ใน Facebook ทำให้มีคนเห็นข้อความดังกล่าวเป็นจำนวนมากนั่นเอง

        สำหรับเรื่องนี้หากพูดถึงเรื่องของราคาผัดกระเพราที่ถูกคิดถึง 120 บาทนั้นเป็นใครก็ต้องคิดว่าแพงอยู่แล้วเพราะด้วยราคาที่มีการขายทั่วไปก็เราขายราคาไม่ถึง 50 บาทด้วยซ้ำไปถึงแม้ว่าจะเป็นร้านอาหารใหญ่ๆราคากระเพราหมูสับก็ไม่น่าจะถึง 120 บาท ส่วนทางด้านผู้ที่โพสต์ข้อความนำมาแชร์นั้น

หากมีการพูดคุยตกลงกับทางร้านเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไม่ควรนำข้อมูลใดๆมาแชร์เพิ่มอีกซึ่งอาจจะแค่บอกได้ว่าทางร้านติดต่อมาขอโทษและขอทำการลบโพสต์ไปก็น่าจะจบเรื่องราวกันแล้วแต่อย่างไรก็ตามการขายของที่แพงเกินจริงในยุคนี้ถือว่าเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคเป็นอย่างมากซึ่งเรื่องนี้ทางด้าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะลงมาทำการตรวจสอบร้านค้านี้เพื่อไม่ให้คิดเงินค่าอาหารแพงเกินจริงมากนัก

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  สล็อต777คาสิโนออนไลน์