มีรายงานมาจากเพจ กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทย ออกมาแฉเรื่องราวของกิจกรรมการออกค่ายคุณธรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่งในจังหวัดพัทลุง ซึ่งมีการจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างวิทยาลับกับค่ายทหารส่งเด็กอาชีวะเข้าไปอบรม ให้เป็นเป็นที่มีคุณธรรม และจริยะธรรม โดยมีการเข้ารับการอบรมกันระหว่างวันที่ 5 เดือนมีนาคม ถึงวันที่ 7 มีนาคม ปี พ.ศ. 2563
โดยทางเพจได้ออกมาแฉถึงกิจกรรมเข้าค่ายในครั้งนี้ว่า เริ่มแรกทางวิทยาลัยจะบังคับเก็บเงินนักศึกษาทุกเข้าที่ต้องมาเข้าค่าย โดยคิดเงินคนละหกร้อยห้าสิบบาท และยังบอกให้ทุกคนต้องโกนหัวมาก่อนเข้ามาอยู่ในค่ายทหาร และหากใครฝ่าฝืนไม่ยอมโกนหัวมา ครูก็จะเป็นคนที่โกนผมให้กับนักศึกษาเอง โดยนักศึกษาหลายคนได้ออกมาบ่นว่า การอบรมครั้งนี้เหมือนกับตัวเองต้องไปเป็นทหารกันเลยทีเดียว และเมื่อเข้าไปทำกิจกรรมในค่ายทหารแล้ว หากผมว่าใครไม่ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
ทางค่ายทหารก็จะไม่ให้ผ่านและจะต้องมีการซ่อมกิจกรรมจนกว่าจะผ่านอีกด้วย ซึ่งนักศึกษาหลายคนออกมาให้ข้อมูลว่า กิจกรรมภายในค่ายทหารนั้นไม่สร้างสันต์หลายอย่าง โดยเฉพาะกิจกรรมที่บังคับให้นักศึกษาไปนั่งอยู่ด้านหน้าของท่อไอเสียรถยนต์ แล้วหลังจากนั้น ทหารก็จะทำการเร่งเครื่องยนต์ให้ควันออกมา แล้วให้นักศึกษานั่งดมควันเสียของรถยนต์ที่ออกมาจากท่อ โดยต้องนั่งดมแบบนี้กันทุกคน ซึ่งจะต้องนั่งดมทีละคนจนกว่าจะครบหมดทุกคน และเมื่อทางเพจมีการส่งรายละเอียด และมีรูปภาพการจัดทำกิจแบบนี้ออกมาให้ชาวโซเชียลได้ดู หลายคนมีการตั้งคำถามกลับไปถึงทางวิทยาลัยและทางค่ายทหารว่า
กิจกรรมแบบนี้จะช่วยให้เด็กมีคุณธรรมได้อย่างไร และการที่ทางวิทยาลัยและค่ายทหารทำแบบนี้ ทำไปเพื่ออะไร และเด็กนักศึกษาได้อะไรจากการดมควันจากท่อรถยนต์ ซึ่งหลายคนมองว่ากิจกรรมแบบนี้ทางวิทยาลัยสมควรที่จะต้องห้ามและไม่ควรให้มีการทำแบบนี้เกิดขึ้นแต่กลับปล่อยปละละเลยจนเด็กทุกคนที่ไปทำกิจกรรมได้ดมควันดำเข้าไปจนเต็มปอด หากเกิดอันตรายขึ้นกับเด็กใครจะรับผิดชอบ เพราะอย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าควันดำจากท่อไอเสียจะเป็นมลพิษที่มีผลไปยังปอด
ซึ่งตอนนี้กำลังมีการรณรงค์ในการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อไม่ได้ร่างกายสูดดมสารพิษเข้าไปแล้วทำไมทางโรงเรียนและค่ายทหารจึงจัดกิจกรรมแบบนี้ออกมา นี่หรือคือระบบการศึกษาของไทย โรงเรียนจะต้องออมารับผิดชอบกับเรื่องดังกล่าว
สนับสนุนโดย Alpha88 เครดิตฟรี