สาวสองโพสต์คลิปขอโทษพนักงานส่งอาหาร

สาวสองโพสต์คลิปขอโทษพนักงานส่งอาหาร  วอนสังคมให้อภัย

          ยังจำกันได้ดีกับสาวประเภทสองคนหนึ่งที่มีการสั่งอาหารจากพนักงานส่งอาหาร บริษัทหนึ่งซึ่งเธอต้องการให้พนักงานขึ้นไปส่งอาหารเธอบนคอนโดเนื่องจากว่าเธอมีอาการไม่สบายเป็นไข้ขึ้นสูงเธอจึงไม่อยากลงมาสัมผัสกับบุคคลข้างนอกแต่เนื่องจากตัวพนักงานเองนั้นก็ถูกสั่งห้ามจากทางบริษัทเหมือนกันว่าห้ามขึ้นไปส่งอาหารให้กับลูกค้าถึงข้างบน

โดยเน้นย้ำว่าพนักงานจะต้องรอส่งอาหารแค่ใต้คอนโดเท่านั้นซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้สาวประเภทสองคนดังกล่าวไม่พอใจอย่างมากที่พนักงานไม่ยอมขึ้นไปในขณะที่พนักงานเองก็พยายามอธิบายถึงเหตุผลที่เขาไม่สามารถขึ้นไปส่งของให้ทราบได้

ซึ่งคลิปวีดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่และเป็นที่โด่งดังเป็นอย่างมากและภายหลังจากที่มีการเผยแพร่ออกไปทางบริษัทของสาวประเภทสองที่ทำงานอยู่เป็นบริษัทขายรถยนต์นิสสันก็ได้ออกมาประกาศจุดยืนถึงพฤติกรรมของพนักงานโดยมีการลงโทษพนักงานคนดังกล่าวด้วยการประกาศไล่ออกให้มีผลทันทีซึ่งหลังจากที่มีเอกสารจากทางบริษัทนิสสันประกาศไล่ออกพนักงานคนดังกล่าวทำให้สาวประเภทสองซึ่งเธอมีอาชีพเป็นเซลล์ให้กับบริษัทนิสสันต้องออกมาโพสต์คลิปขอโทษสังคมรวมถึงขอโทษพนักงานส่งอาหาร

โดยในขณะนี้เธอได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าร้ายคนในโลกโซเชียลได้มีการหาข้อมูลส่วนตัวของเธอว่าเป็นใครอยู่ที่ไหนและมีการส่งข้อความมาต่อว่าเธอกันอย่างมากมายรวมถึงเธอเองก็ถูกกระแสต่อต้านจากทางสังคมและทางบริษัทที่เธอทำงานอยู่ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอ เสียใจมากเพราะเธอได้รับผลกระทบอย่างหนักมาก

ในครั้งนี้ซึ่งในตอนที่เธออัดคลิปนั้นเธอยังมีการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเนื่องจากว่าเธอยังมีการไข้ขึ้นสูงอยู่แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเธอมีอาการป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือไม่ซึ่งเธอได้อธิบายเหตุผลในฝั่งของเธอเกี่ยวกับที่เธอไม่อยากจะลงมารับของเพราะเธอกลัวว่าเธออาจจะป่วยเป็นไวรัสโคโรน่าแล้วอาจจะแพร่เชื้อให้กับคนอื่น

ซึ่งในขณะเดียวกันหลายคนก็มองว่าสิ่งที่เธอทำนั้นหลายคนเข้าใจแต่สิ่งที่ทุกคนไม่พอใจนั้นก็คือเธอพูดจาหยาบคายใส่กับพนักงานส่งของมากเกินไปโดยไม่มองว่าเขาเป็นคนทำงานคนหนึ่งเลยทั้งที่ตัวเธอเองนั้น

ก็เป็นพนักงานที่ต้องรองรับอารมณ์ลูกค้าเช่นเดียวกันน่าจะเข้าใจหัวอกกันดีอีกทั้งในขณะที่เธอบอกว่าเธอกลัวว่าเธอจะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าเธอไม่อยากจะเอาเชื้อมาแพร่ให้กับคนอื่นนั้นขนาดที่เธอลงมาต่อว่าพนักงานส่งของเธอกลับไม่สมใส่หน้ากากอนามัยซึ่งมันเป็นการย้อนแย้งกันมากระหว่างที่เธอพูดและเป็นการกระทำของเธอ

 

สนับสนุนโดย  9luck

หนี้นอกระบบทำตำรวจสันติบาลต้องกลายเป็นโจรปล้นแบงค์

  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. บางประกง ได้รับแจ้งเหตุพบชายต้องสงสัยมาเดินอยู่ที่หน้าธนาคาร กสิกรไทย สาขาบางบัว อยู่บางนาตราด กม. 42 โดยชายคนดังกล่าวแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาว และใส่กางเกงขายาวสีดำ ที่สำคัญเขาใส่หมวกและใส่หน้ากากปิดบังหน้าตา และยังมีการสะพายเป้อยู่ด้านหลัง

ดูแล้วน่าสงสัยเป็นชาวบ้านจึงได้โทรแจ้งให้ตำรวจช่วยมาตรวจสอบและเมื่อเดินทางมาถึง ทางเจ้าหน้าที่ได้ขอค้นตัวชายคนดังกล่าว แต่ชายคนดังกล่าวขัดขืน แถมยังอ้างว่าตัวเองก็เป็นตำรวจ ซึ่งเป็นตำรวจสันติบาล แต่เมื่อถามเรื่องการแต่งตัว เขาก็ไม่ยอมพูดอะไร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าล็อคตัวและทำการค้นตัวทำให้พบว่าเขาพกปืนมาไว้ในถุงกระดาษสีน้ำตาลและพบว่าปืนดังกล่าวได้ขึ้นลำกล้อง เอาไว้ด้วย

และเมื่อค้นกระเป๋าก็ยังพบกระสุนปืนอีกเป็นจำนวนมาก  และที่สำคัญเมื่อค้นตัวชายคนดังกล่าวกลับพบว่า เขาใส่เสื้อสองชั้นและกางเกงอีกสองชั้น ซึ่งน่าสงสัยว่าอาจจะมาก่อเหตุเสร็จแล้วก็จะทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ ซึ่งระหว่างการจับกุมตัว ชายคนดังกล่าวไม่ยอมพูดอะไรเลย

จะให้ข้อมูลในชั้นศาลเท่านั้น และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวมาที่โรงพัก ในที่สุดเขาก็ให้การรับสารภาพว่าตนเองไม่ใช่ตำรวจจริงและที่ไปยืนอยู่ที่หน้าธนาคารกสิกรไทยนั้นเพราะกำลังจะลงมือก่อเหตุปล้นธนาคารจริงจริง โดยเขาให้เหตุผลของการคิดก่อเหตุในครั้งนี้นั้นก็เพราะว่าตอนนี้เขามีหนี้สินอยู่เกือบประมาณสี่แสนบาท

โดยมีทั้งหนี้ในระบบ และยังมีหนี้นอกระบบอีก อีกทั้งตอนนี้เมียของเขาก็ยังมาตกงานอีก และในช่วงที่โควิด-19 ระบาดนี้ทำให้หาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้เลย ทำให้เขาเกิดความเครียดเป็นอย่างมากจึงได้ตัดสินใจที่จะมาก่อเหตุปล้นธนาคารดังกล่าว โดยตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเตรียมการขยายผล ว่าคนร้ายได้นำอาวุธปืนมาจากไหน

เนื่องจากในกระเป๋าของคนร้ายมีทั้งอาวุธปืนและมีกระสุนเยอะมาก  ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อคนร้ายว่าชื่อว่า นายปัณเทพย์ และคนที่เห็นเหตุการณ์บอกให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนที่คนร้ายจะถูกตำรวจคุมตัว คนร้ายได้เดินมาหาตนเองที่ร้าน

ซึ่งตอนนี้เธอกำลังตั้งร้านอยู่ โดยชายคนดังกล่าวแต่งกายมิดชิดและมาถามเธอว่าธนาคารมีการวัดอุณหภูมิหรือไม่ ซึ่งเธอก็บอกว่าก็วัดอุณหภูมิปกตินั่นแหละ หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวก็ไปคุยกับ รปภ. ที่หน้าธนาคาร และเธอก็มารู้ภายหลังว่าเขาเป็นคนร้ายที่กำลังจะปล้นธนาคารนั่นเอง

 

ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนโดย  sagame

หญิงสาวโมโหโหดขับรถมาบ้านแฟนเก่ากระหน่ำยิงเมียใหม่ไม่ยั้ง

    ที่จังหวัดกาญจนบุรีเจ้าหน้าที่ตำรวจสภเมืองกาญจนบุรีได้รับแจ้งเหตุว่ามีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นที่บ้านพักแห่งหนึ่งที่ตำบลปากแพรกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกองกำลังทั้งฝ่ายพิสูจน์หลักฐานและฝ่ายสืบสวนสอบสวนรวมถึงยังติดต่อทางมูลนิธิเดินทางไปยังบ้านพักที่เกิดเหตุดังกล่าว   ซึ่งสถานที่เกิดเหตุนั้นเป็นห้องแถวชั้นเดียวโดยเมื่อไปถึงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เห็นนายจิรวุฒิกำลังยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่หน้าบ้านและยังมีนางรุ่งฤดีซึ่งเป็นเมียของนายจิรายุทธ เซ็งได้รับบาดเจ็บเพราะถูกอาวุธปืนยิ่งโดนที่หน้าแข้งเลือดอาบเต็มไปหมดแล้วเมื่อทางกู้ภัยเดินทางไปถึงก็ได้มีการประสานงานพาผู้บาดเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา

หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าไปภายในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุซึ่งเมื่อเข้าไปถึงก็พบร่องรอยของกระสุนปืนและยังมีร่องรอยของลูกกระสุนปืนเจาะตามผนังกระจกต่างๆเต็มไปหมด

  และยังมีกองเลือดอยู่ในที่เกิดเหตุอีกด้วยนอกจากกระสุนปืนจะมีการเจาะภายในบริเวณบ้านแล้วแถวๆหน้าบ้านที่เป็นที่จอดรถก็มีร่องรอยกระสุนปืนตกอยู่อีกด้วยทางฝ่ายพิสูจน์หลักฐานจึงได้มีการรวบรวมเก็บปลอกกระสุนปืนดังกล่าวเอาไว้ซึ่งทางเจ้าของบ้านก็คือนายจิรวุฒิก็ได้ให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าในขณะที่ตัวเขาและก็มีของเขากำลังที่จะขับรถออกไปซื้อของกินนั้นอยู่ดีๆแฟนเก่าของเขาที่เคยคบหากันเมื่อ 2 ปีที่แล้วแต่ก็เลิกกันมานานแล้วเช่นเดียวกันได้ขับรถเก๋งเข้ามาจอดตรงข้ามกับบ้านพักของเขา

พอจอดรถได้เปิดประตูรถแฟนเก่าก็เดินลงจากรถมาพร้อมกับมีอาวุธปืนอยู่ในมือพอนายจิรวุฒิมองเห็นปืนอยู่ในมือของแฟนเก่าก็รีบบอกเมียของตนเองให้อยู่แต่ในบ้านไม่ต้องออกมาซึ่งในตอนนั้นเองแฟนเก่าของเขาก็ได้มีการยิงปืนเข้าไปในบ้านหลังจากนั้นก็ยิงเดินเข้าไปในบ้าน หลังจากกระหน่ำยิงจนไม่มีกระสุนยิงออกจากปืนแล้วอดีตแฟนเก่าก็กลับขึ้นรถแล้วขับรถหนีไปเลย

ซึ่งจากการสันนิษฐานของนายจิรวุฒิเองคิดว่าน่าจะเกิดจากที่ภรรยาของเขาเคยมีเรื่องทะเลาะกับอดีตแฟนเก่ามาก่อนซึ่งในตอนนั้นมีการแจ้งความดำเนินคดีกันด้วยเพราะมีการโพสต์ด่ากันผ่านทาง facebook และที่สำคัญก่อนหน้าที่แฟนเก่าจะขับรถมายิงเมียของเขานั้นแม่ของแฟนเก่าได้โทรมาหาเขาและมาพูดจาขอร้องให้เขาไปพูดกับเมียของเขาหน่อยว่าให้หยุดด่าทอแฟนเก่า

ของเขาผ่านทาง facebook ให้ต่างคนต่างอยู่ซึ่งตัวนายธีรวุฒิเองก็รับปากว่าจะคุยกับเมียให้แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรทางอดีตแฟนเก่าก็ขับรถมาที่บ้านเราก็มากระหน่ำยิงเมียของเขาจนได้รับบาดเจ็บอย่างที่เห็นซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เก็บหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้วแล้วก็กำลังพยายามติดตามตัวแฟนเก่าของนายจิรวุฒิมาดำเนินคดี

หนุ่มหายตัวปริศนาที่จังหวัดแพร่

      ชายหนุ่มเป็นคนจังหวัดแพร่ เดินทางเข้าป่าพร้อมกับหมาคู่ใจชื่อว่าไอ้ขาว เมื่อวันที่ 4 เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2563  ซึ่งผ่านไปหลายวันชาวบ้านพบว่าหมาของชายหนุ่มเดินทางกลับออกมาจากป่าตัวเดียว เมื่อวันที่ 6 เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2563 

หลังจากนั้นภรรยาของชายหนุ่มที่หลงป่าก็พาญาติออกติดตามหาตัวแต่ก็ไม่พบประมาณวันที่ 10เมษายน จึงได้มีการเชิญพระมาทำบุญเพื่อทำเรื่องเปิดป่าขอให้สามารถตามหาตัวชายหนุ่มเจอและในวันที่ 11 เมษายนชาวบ้านและภรรยาก็ไปพบศพของชายหนุ่มที่ตามหาอยู่

      โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ภรรยาของชายหนุ่มคนดังกล่าวได้มีการเล่าเรื่องราวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและนักข่าวฟังว่าชายหนุ่มที่กำลังเป็นข่าวอยู่นี้ชื่อว่าคุณบุญแปง โดยปกติแล้วคุณบนแปลงมักจะออกไปหาของป่ามาขายอยู่เสมอซึ่งในครั้งนี้คุณแปลงก็มีการเตรียมข้าวของการเดินป่าไม่ว่าจะเป็นอาหารกระป๋องข้าวสารนมและน้ำเดินทางเข้าป่า

โดยมีการออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 เมษายนซึ่งไปพร้อมกับหมาคู่ใจของเขานั่นก็คือไอ้ขาวหรือล่าสุดที่ภรรยาของคุณแปลงเห็นสามีของตนเองนั้นก็คือขี่รถจักรยานยนต์ออกไปหลังจากวันที่ 4 เมษายนเป็นต้นไม้ภรรยาก็ไม่เห็นสามีของตนเองอีกเลยแต่พอวันที่ 6 เมษายนหมาที่ไปพร้อมกับคุณแปลงก็เดินทางกลับมาที่บ้าน

แต่ก็ไม่เห็นตัวคุณแปลงจึงได้ที่ออกตามหาโดยมีการเชื่อกันว่าคุณมนแปลงน่าจะมีการหลงป่าอยู่แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอจนวันที่ 10 เมษายนจึงได้เชิญพระสงฆ์มาทำพิธีเปิดป่าเพราะเชื่อว่าอาจจะโดนสิ่งศักดิ์สิทธิ์บังตาไม่ให้มองเห็นหลังจากทำพิธีเปิดป่าเสร็จแล้ววันที่ 11 เมษายนชาวบ้านก็มาพบคุณแปลงตกเหวชีวิตอยู่จากการชันสูตรศพพบว่ามีการเสียชีวิตมานานแล้ว

ซึ่งก็มีการสันนิษฐานกันว่าคุณแปรงน่าจะมีการหน้ามืดเพราะอากาศร้อนแล้วอาจจะเผลอร่วงลงไปในเหวซึ่งทำให้เสียชีวิตได้แต่หลายคนก็เชื่อว่าในป่านั้นมีสิ่งเร้นลับมีอาถรรพ์และเชื่อว่าการที่ตามหาคุณบุญแปลงไม่เจอสักทีนั้นมาจากการที่เจ้าป่าเจ้าเขาอาจจะบังตา ทำให้ชาวบ้านที่ออกตามหาตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ไม่พบกับคุณบุญแปลงทั้งที่ชาวบ้าน

ก็ผ่านมาบริเวณจุดนี้แต่ก็ไม่พบบางคนก็บอกว่าที่คุณแปลงต้องมาประสบเหตุในครั้งนี้เพราะว่าเจ้าป่าเจ้าเขาอาจจะต้องการตัวตายตัวแทนซึ่งส่วนใหญ่ก็วิจารณ์กันไปถึงเรื่องของความลี้ลับสำหรับศพของคุณแปลงนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการส่งพิสูจน์หลักฐานต่อไป

 

ขอขอบคุณเว็บ  sagame  ที่ให้การสนับสนุน

สาเหตุที่ทำให้ลำปางปลอดเชื้อโควิด 19 

ก่อนอื่นต้องบอกว่าทำไมเราต้องพูดถึงเรื่องของลำปางก็เพราะว่าในจังหวัดลำปางเป็นหนึ่งในไม่กี่จังหวัดของประเทศไทยเรานี้ซึ่งจากข้อมูลที่มีว่า 13 จังหวัดนั้น ที่มีการปลอดจากโลกแล้วจังหวัดลำปางก็เป็นจังหวัดใหญ่ ถือว่าค่อนข้างเก่งนะในการที่ทำให้จังหวัดของท่านนั้นเป็นจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อว่าเป็นศูนย์ 

โดยเราจะย้อนไปดูว่าจังหวัดในภาคเหนือถือว่าเป็นจังหวัดใหญ่และจังหวัดลำปางก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย โดยมีข้อมูลพื้นฐานดังต่อไปนี้ เนื้อที่ประมาณ 7,833,726 ไร่แต่มีประชากรไม่มากเท่าไหร่นะ เท่ากับว่าความบางของประชากรนั้นบาง โดยประชากรมีเพียงแค่ 738,316 คนข้อมูลนี้จากเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งอาณาเขตทางเหนือติดต่อกับเชียงรายทางทิศใต้ก็ติดต่อกับตากทางทิศตะวันออกติดต่อกับจังหวัดแพร่

 และตะวันออกเฉียงเหนือติดต่อกับจังหวัดพะเยา ทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดต่อกับสุโขทัย ส่วนทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือก็ไปติดต่อกับ จังหวัดเชียงใหม่และก็จังหวัดลำพูน เรื่องจะเห็นได้ว่ารายล้อมไปด้วยผู้ที่ติดเชื้อโควิก ที่มีค่อนข้างเยอะพอสมควรและมีจังหวัดที่น่าชมจังหวัดก็คือจังหวัดน่าน คือถ้าเลยแพ้ออกไปนั่นก็คือหน้าและนั่นก็คือและนั่นคือจังหวัดใหญ่ ที่นั่นก็ยังไม่มีผู้ป่วย ทำให้ไม่มียอดผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยนั้นเป็นศูนย์นั่นเอง เพลงเราคงต้องมาชื่นชมกัน 

จะเห็นได้ว่าลำปางนั้นคือพื้นที่ใกล้เคียงกลับเชียงใหม่ที่ติดโรคไปแล้ว 30 คน ซึ่งมีลำพูนปิดไปแล้ว 2 คน แม่ฮ่องสอน 5 และตาก 2 สุโขทัย 3และแพร่ 1พะเยาอีก 2 ซึ่งจะเห็นได้ว่าลำปางนั้นไม่พบผู้ติดเชื้อดังนั้นมีความสงสัยว่าลำปางเขามีวิธีการจัดการอย่างไรกัน ซึ่งมีการสงสัยว่าท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นเขามีการเตรียมตัวในการรับมือเกี่ยวกับเชื้อไวรัสชนิดนี้อย่างไร ดังนั้นเราได้คำตอบว่าเขาได้มีการเริ่มรับมือตั้งแต่ที่อู่ฮั่นนั้นมีการปิดเมือง

 ซึ่งเขานั้นได้มีการวางแผนมาตั้งแต่อู่ฮั่นของจีนนั้นได้มีการปิดเมืองซึ่งอู่ฮั่นนั้นมีการปิดเมืองตั้งแต่23 มกราคมตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาหลังจากนั้น 24 วันก็ได้มีผู้ติดเชื้อตามมาซึ่งหลังจากนั้นพอรู้ว่าอั้นเป็นเมืองทางผู้ว่าราชการจะได้มีมาตรการในการจัดการเพื่อเป็นการจัดการรับเชื้อไวรัสซึ่งเขาได้มีการเรียกประชุมในวันรุ่งขึ้นของการปิดเมืองของอู่ฮั่นในทันที

โดยประกาศเรียกทุกฝ่ายในจังหวัดนั้นเข้ารับการประชุมร่วมกันโดยการนำข้อมูลของอู่ฮั่นไปบันทึกและวิเคราะห์ในรูปแบบต่างๆโดยมีการหาสาเหตุของการแพร่ระบาดหาแนวทางรับมือกับไวรัสและมีการศึกษาถึงธรรมชาติของไวรัสโคโรน่าว่ามันมีลักษณะอย่างไรซึ่งพูดง่ายๆว่าเราได้เตรียมตัวตั้งแต่รู้เรื่องจึงทำให้เขาพัฒนาและรับมือกับเชื้อโรคเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีจึงทำให้ทั้งจังหวัดของเขาปลอดเชื้อมาจนถึงทุกวันนี้นั้นเอง

 

สนับสนุนโดยเว็บ  bk8

เมียศรรามงามหน้าแจ้งจับข้อหาหลอกขายหน้ากากอนามัยปลอม

  ภรรยาคนสวยของพระเอกหนุ่มคนดังศรราม  เทพพิทักษ์  ได้ถูกผู้เสียหายคนหนึ่งเดินทางเข้ามาแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับการที่ภรรยาคนสวยของพระเอกคนดังได้หรอขายหน้ากากอนามัยให้เป็นจำนวนเงินเกือบล้านบาทโดยทางผู้เสียหายแจ้งว่ามีการสั่งหน้ากากอนามัยจากภรรยาของศรรามเทพพิทักษ์เป็นจำนวนมากถึงสองแสนชิ้น ด้วยกัน 

ซึ่งการเข้าแจ้งความในครั้งนี้ผู้เสียหายได้นำตัวนายอัจฉริยะมาเป็นทนายความบริการแจ้งความในครั้งนี้ด้วยโดยทางผู้เสียหายอ้างว่าภรรยาของนายศรรามเทพพิทักษ์ได้รับปากจะมีการส่งของให้จำนวนสองแสน ชิ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 เดือนมีนาคมแต่จนถึงณปัจจุบันก็ยังไม่ได้สินค้าและเมื่อต้องการจะให้โอนเงินคืนพญาของศรรามก็ทำการบ่ายเบี่ยงไม่ยอมโอนเงินคืนกลับมาให้โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อภรรยาของศรรามเทพพิทักษ์ได้มีการประกาศขายหน้ากากอนามัยผ่านทาง facebook

ผู้เสียหายจึงดำเนินการสอบถามฝ่ายต่างๆและได้มีการนัดสั่งซื้อสินค้ากันเนื่องจากเห็นว่าผู้ขายเป็นถึงภรรยาของพระเอกดังแล้วก็สามารถส่งเอกสารรวมถึงถ่ายรูปสินค้าและระบุมีการนัดหมายกันอย่างชัดเจนเธอจึงได้ทำการตัดสินใจซื้อสั่งหน้ากากอนามัยไป  โดยทางภรรยาของนายศรรามระบุว่าหน้ากากอนามัยที่รับมานี้ส่งตรงมาจากประเทศเวียดนามเธอสามารถนำเข้ามาได้ในราคาถูกซึ่งภรรยาของนายศรรามเทพพิทักษ์ได้ขายให้เธอในราคาชิ้นละ 9 บาท 50 สตางค์

ดังนั้นเธอจึงได้โอนเงินไปให้ภรรยาของนายศรรามโดยครั้งแรกโอนไปสี่แสน บาทหลังจากนั้นก็มีการโอนไปเรื่อยๆอีกหลายครั้งโดยรวมแล้วมีการโอนเงินไปทั้งสิ้นกว่า เก้าแสน บาท   สำหรับนายอัจฉริยะนั้นเดินทางมาเป็นเพื่อนผู้เสียหายและต้องการดำเนินคดีความกับภรรยาของนาย ศรรามเทพพิทักษ์

ซึ่งนายอัจฉริยะเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายคนที่อาจจะถูกภรรยาของนายศรรามหลอกลวงหลอกขายหน้ากากอนามัยให้และโดยส่วนตัวแล้วไม่เชื่อว่าภรรยาของศรรามจะมีหน้ากากอนามัยเป็นจำนวนมาถึงเป็นแสนชิ้นมาขายให้กับคนอื่นได้อีกอย่างเอกสารที่ทางผู้เสียหายทำให้นายอัจฉริยะดูนายอัจฉริยะบอกว่าเอกสารพวกนั้นเป็นเอกสารปลอมแทบทั้งสิ้น

และที่สำคัญเมื่อมีการเช็คไปยังชื่อของภรรยาของนายศรรามก็ไม่ได้พบว่ามีการเปิดบริษัทเกี่ยวกับเรื่องของการส่งออกแต่อย่างใดดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้พี่พระยาของนายศรรามจะสามารถส่งซื้อสินค้าแล้วนำมาขายในเมืองไทยได้และที่สำคัญก่อนที่จะเดินทางมาแจ้งความพยายามของนายศรรามพยายามที่จะโทรหานายอัจฉริยะ

เพื่อตกลงเจรจากันแต่นายอัจฉริยะได้ทำการปฏิเสธที่จะพูดคุยเพราะต้องการที่จะดำเนินคดีกับภรรยาของนายศรรามยังไงก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนและรวบรวมข้อมูลหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมแล้วจะทำเรื่องติดต่อไปยังภรรยาของนายศรรามต่อไปเพื่อให้มาให้ปากคำ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  rb88

ถึงแม้ลูกตัวเองจะผิดแต่ก็ไม่สมควรตาย

โจรขโมยของโดนยิงตายแม่คนร้ายเศร้าถึงแม้ลูกตัวเองจะผิดแต่ก็ไม่สมควรตาย 

       เหตุการณ์เกิดขึ้นเนื่องจากน้องชายของผู้ใหญ่บ้านได้ทำการยิงคนในหมู่บ้านเดียวกันถึงแก่ความ  ตาย ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของจังหวัดเพชรบุรีได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางไปที่บ้านหลังที่เกิดเหตุหลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไปเจอกับ ผู้เสียชีวิตชื่อเล่นว่าโย อายุ 40 ปี

สภาพศพของนายโย ถูกยิงด้วยกันทั้งหมด 3 นัด  ซึ่งมีบาดแผลที่กลางหน้าออก  สีข้างทางด้านขวา และแขนขวา และสำหรับคนที่ก่อเหตุยิงคนตายนั้นเป็นน้องชายผู้ใหญ่บ้านชื่อว่าคุณ จรูญ ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นายจรูญยิงนโยนั้นนายจรูญก็ได้ทำการหลบหนีไป เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามข้อมูลจากทางชาวบ้านเพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลหลักฐานเพื่อนำไปสืบสวนต่อไป 

        เหตุการณ์ในครั้งนี้นักข่าวได้ลงไปในพื้นที่แล้วได้ไปพบกับผู้เสียชีวิตชื่อว่าคุณป้าสะอิ้ง  ซึ่งป้าสะอิ้งได้ให้ข้อมูลกับนักข่าวว่า นายโยคือลูกชายคนเล็กของเธอ ปกติแล้วนายโยเป็นคนดี  เป็นคนร่าเริง ขี้เล่น ชอบทักทายคนอื่นอื่น ที่สำคัญคือ เหตุการณ์ที่นายบัญชาโดนยิงตายในครั้งนี้เกิดขึ้นมาจากว่านายจรูญ ซึ่งเป็นน้องชายของผู้ใหญ่บ้าน

เกิดความไม่พอใจและแค้นที่ลูกชายเป็นคนขี้ขโมย  ชอบไปขโมยของบ้านของนายจรูญ ซึ่งนางสะอิ้งยังบอกอีกว่า ถึงแม้ว่าลูกชายของตัวเองจะเป็นขี้ขโมย จะเป็นคนดีหรือไม่ดี 

สำหรับแม่นั้น แม่สงสาร และต่อให้ลูกแม่เป็นคนขี้ขโมยและไปขโมยของที่บ้านน้องชายผู้ใหญ่บ้านแต่การยิงกันแบบนี้มันรุนแรงเกินไป ขอให้ได้รับกรรม สำหรับมือปืน ส่วนพี่ชายของนายโย ยืนยันกับทางนักข่าวว่าตนเองไม่เชื่อว่าน้องชายของตนเองนั้นจะเป็นคนขี้ขโมยอย่างแน่นอน  ซึ่งทางพี่ชายของนายโยได้มีการสอบถามทางเพื่อนบ้านเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยทราบมาว่าในวันเกิดเหตุนั้นนายโยได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านของนายจรูญ แล้วเกิดมีปากเสียงทะเลาะกันที่หน้าบ้านของนายจรูญ โดยชาวบ้านได้ยินเสียงนายจรูญพูดว่าจะมาขโมยของอีกแล้วเหรอ ซึ่งนายโยไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงแค่ขี้รถจักรยานยนต์ออกไปแล้วสักพักก็วนรถกลับมาใหม่ ซึ่งหลังจากที่นายโยกลับมารอบนี้เหมือนกับว่านายโยจะกลับมาหาเรื่องนายจรูญ

หลังจากนั้นนายโยก็ตะโกนเรียกให้นายจรุญออกมา แล้วทั้งคู่ก็ทะเลาะกันอีก ซึ่งชาวบ้านได้ยินว่านายโยพูดว่าผมไมไ่ด้เป็นคนขโมยของ ซึ่งตอนที่เถียงกัน นายจรุญก็ได้นำปืนมายิงนายโยจนเสียชีวิตและนายจรูญก็ได้หลบหนีไป

เหยื่อรวมตัวกันแจ้งจับชินแสปลอม

เหยื่อรวมตัวกันแจ้งจับชินแสปลอมหลอกให้ออกรถแล้วเชิดรถหนีไป

       มีรายงานข่าวเข้ามาว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สอ.หนองปรือจังหวัดชลบุรีได้รับแจ้งความจากผู้เสียหายหลายรายที่เดินทางมาแจ้งความพร้อมกันในวันเดียวเกี่ยวกับกรณีที่ถูกนายจีรวัฒน์อายุ 50 ปีหลอกลวงให้ไปออกรถทั้งจักรยานยนต์และรถยนต์ป้ายแดงหลังจากนั้นก็ทำทีออกอุบายขอเอารถไปใช้โดยบอกว่าจะผ่อนจ่ายค่างวดรถและหลังจากที่นายจีรวัฒน์นำรถไปแล้วก็ไม่สามารถติดต่อนายจีรวัฒน์ได้เลยซึ่งจากการที่นักข่าวได้สอบถามผู้เสียหายจำนวนห้ารายที่มารวมตัวกันแจ้งความในวันนี้นั้นทุกคนต่างให้ข้อมูลตรงกันหมดว่าแต่ละคนจะมีธุรกิจหรือกิจการเป็นของตนเอง

และในช่วงนี้ธุรกิจก็ค่อนข้างมีปัญหาซบเซาซึ่งนายจีรวัฒน์จะทำทีเข้ามาเป็นลูกค้าเพื่อตีสนิทก่อนหลังจากนั้นก็ได้ออกอุบายบอกว่าตนเองนั้นเป็นซินแสสามารถดูดวงและช่วยแก้เคล็ดให้ได้

ซึ่งผู้เสียหายแต่ละคนก็ได้เชื่อตามที่นายจิรวัฒน์กล่าวอ้างโดยทำการแก้เคล็ดอย่างทางที่นายจิรวัฒน์ให้ทำหลังจากนั้นก็ทำให้รู้จักสนิทสนมกันอยู่ช่วงหนึ่งแล้วน่าจะร้อนก็เริ่มออกอุบายให้ผู้เสียหายไปทำการออกรถป้ายแดงซึ่งบางคนก็ได้ออกรถจักรยานยนต์แต่บางคนก็จะได้ออกรถยนต์โดยหลังจากที่ผู้เสียหายออกรถได้ประมาณสักสองถึงสามเดือนแล้วนายจีรวัฒน์ก็จะทำทีมาขอยืมรถไปใช้โดยอ้างว่าตัวเองไม่มีรถใช้งานโดยนายจีรวัฒน์จะบอกกับผู้เสียหายว่าจะเป็นคนจ่ายค่าผ่อนงวดรถให้เอง

โดยทางผู้เสียหายหลายหลายหลงเชื่อและให้รถให้หน่อยเจ้รถไปใช้งานซึ่งหลังจากนายจีรวัฒน์ได้รถไปแล้วก็ไม่ยอมจ่ายค่าผ่อนงวดรถ จนผู้เสียหายได้รับการทวงให้ไปจ่ายค่าผ่อนงวดรถจึงทำให้รู้ว่าตั้งแต่นายจีรวัฒน์นำรถไปก็ไม่เคยจ่ายค่าผ่อนงวดรถเลยและเมื่อทางผู้เสียหายโทรไปหานายจิรวัฒน์ก็ไม่สามารถติดต่อได้จึงทำให้ผู้เสียหายคาดเดาเอาว่าน่าจะถูกหลอกและนายจิรวัฒน์คงนำรถหนีไปเรียบร้อยแล้ว

จึงได้เดินทางมาแจ้งความที่สถานีตำรวจจึงทำให้รู้ว่ามีผู้เสียหายหลายรายที่ถูกนายจิรวัฒน์หลอกลวงให้ออกรถยนต์แล้วนำรถหนีหายไปซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวนายจีรวัฒน์เพื่อนำตัวมามาดำเนินคดีซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะผู้เสียหายหลงเชื่อคนง่ายจนเกินไปและไม่คิดอะไรให้รอบคอบก่อนที่จะมีการให้ทรัพย์สินคนอื่นไปใช้งานจึงทำให้ถูกมิจฉาชีพมาทำการตีสนิทแล้วหลอกเอาทรัพย์สินของตนเองไปได้แบบนี้ 

 

สนับสนุนโดย  entaplay

เข้าห้องน้ำสาธารณะถูกตีหน้าเยิน

เข้าห้องน้ำสาธารณะถูกตีหน้าเยินเหตุเพราะจ่ายแบงค์ร้อย

          มีผู้ชายคนหนึ่งได้มีการร้องเรียนมาที่สำนักข่าวแห่งหนึ่งโดยเขาใช้ชื่อว่าคุณป๊อบ  เขาได้เล่าเรื่องให้นักข่าวฟังว่าเค้าได้เดินไปเข้าห้องน้ำแถวตลาดนัดแห่งหนึ่งที่อยู่แถวอำเภอบางเสาธงจังหวัดสมุทรปราการซึ่งโดยปกติแล้วห้องน้ำจะต้องเสียค่าเข้าโดยสถานที่ที่คุณป๊อบไปข้าวนั้นมีการคิดค่าเข้าห้องน้ำอยู่ที่ 3 บาทแต่วันนั้นคุณป๊อบมีเงินติดตัวเป็นแบ๊งค์ร้อยไม่มีเหรียญเลยแต่ด้วยความที่คุณป๊อบปวดปัสสาวะมากจึงได้จ่ายแบงค์ 100บาทไว้ที่พนักงานที่เก็บตั้งอยู่ด้านหน้าห้องน้ำแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำแต่เมื่อทำธุระเสร็จแล้วเดินออกมาปรากฏว่าที่ดันหน้าห้องน้ำมีกลุ่มวัยรุ่นยืนอยู่ประมาณหกถึงเจ็ดคน

ซึ่งคุณป๊อบบอกว่าจำได้ว่าหนึ่งในนั้นมีคนฉายาว่าจิ๋มราชหวาย หรือชื่ออีกชื่อว่านายพนมเป็นคนทำงานอยู่แถวร้านหมูกะทะซึ่งร้านนี้อยู่ตรงใกล้กับตลาดที่คุณป๊อบไปเข้าห้องน้ำอยู่ซึ่งคนในตลาดน่าจะบอกกันว่านายพนมเป็นคนที่มีอิทธิพลในบริเวณละแวกนี้ซึ่งอยู่อยู่นายพนมกับพวกก็เข้ามาทำร้ายเขาซึ่งภายหลังเค้าได้ทราบว่านายพนมไม่พอใจที่เขานำแบงค์ 100 บาทไปจ่ายค่าห้องน้ำซึ่งเขาถูกทำร้ายร่างกาย 100,000 สาหัสจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนานถึงสี่เดือนบทค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวเองไป 40,000 กว่าบาท

ซึ่งจะเกิดเรื่องก็ได้แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจแต่คดีก็ไม่คืิบหน้า ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงแค่เงินค่าเข้าห้องน้ำ 3 บาทเท่านั้นเองโดยคุณป๊อบยืนยันว่าตอนที่วิ่งเข้ามาจะเข้าห้องน้ำนั้นหาเงิน 3 บาทไม่เจอนี่เพียงแต่แบ๊งค์ร้อยเท่านั้นเมื่อทางพนักงานเฝ้าหน้าห้องบอกว่าไม่มีเงินทอนต้นปวดปัสสาวะมากรอไม่ไหวจึงวิ่งเข้าห้องน้ำก่อนหลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วจึงเดินออกมาแล้วก็ค้นตัวเองหาเหรียญอีกครั้งซึ่งก็พบว่ามีเหรียญอยู่ 3 บาทพอดีและกำลังจะจ่ายเงินแต่ก็มาถูกจิ๋มราชหวายกับพวกรุมทำร้ายเสียก่อนซึ่ง

เมื่อผู้สื่อข่าวไปสอบถามกับจิ๋มราชหวายก็ได้คำตอบว่านายป๊อบมากมาทานอาหารที่ตลาดแห่งนี้บ่อยบ่อยและชอบมาเข้าห้องน้ำที่นี่เป็นประจำแต่มักจะจ่ายเงินเป็นแบ๊งค์ร้อยซึ่งทางคนเก็บเงินหน้าห้องน้ำก็จะไม่มีทอนและก็จะไม่เรียกเก็บเงินในป๊อบตนเองเห็นว่านายป๊อบทำแบบนี้บ่อยบ่อยจึงเกิดความไม่พอใจจึงได้ลงมือทำร้ายตบหัวสั่งสอนในป๊อบและลูกน้องก็เลยรุมกระทืบในป๊อบดังที่เป็นข่าว

 

สนับสนุนโดย  sagame

นาย เจ ได้นำอาวุธปืนไปยิงอดีตภรรยาที่คลินิกเสริมความงาม

สามีปืนดุ  เปิดเผย วิญาณผู้ตายมาเข้าฝัน ถามว่ามาฆ่าเขาทำไม?

 จากกรณีที่นาย เจ ได้นำอาวุธปืนไปยิงอดีตภรรยาที่คลินิกเสริมความงาม ที่บริเวณชั้น 4 กลางห้างดังแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นั้นตอนนี้ทางผู้ก่อเหตุคือนาย เจได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เรียบร้อยแล้ว และถูกนำตัวมาที่ สถานีตำรวจพญาไท  ซึ่งหลังจากที่ได้นอนคุกที่ สน. พญาไทไปหนึ่งคืน ทางผู้สื่อข่าวก็ได้ไปสอบถามกับนาย เจ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ซึ่งนาย เจก็บอกว่า ตอนนี้ตนเองรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปมาก ที่ทำลงไปนั้นเกิดเพราะความหึงหวงที่มีต่อตัวอดีตภรรยา จึงทำให้เกิดความขาดสติ ไม่มีความยับยั้งช่างใจ จึงไปก่อเหตุเพียงเพราะเกิดเป็นอารมณ์ชั่ววูบ และตอนนี้ก็รู้สึกสำนึกผิดแล้ว ซึ่งในวันนี้ทางแม่ของนาย เจได้เดินทางมาเยี่ยมนายเจ แต่เช้าและได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ลูกชายของตนนั้นเป็นคนอารมณ์ร้อน 

แต่ตนเองก็รู้มาว่าทางลูกชายและผู้ตายได้มีปัญหากันจนมีเหตุให้เกิดเรื่องหย่าร้างกันขึ้น และหลังจากที่ทั้งคู่หย่ากันไปแล้ว ก็เห็นว่าทั้งคู่ต่างก็มีแฟนใหม่เป็นของตัวเองกันไปแล้ว แต่ลูกชายของตน ซึ่งก็คือนาย เจ มักจะมาพูดกับแม่เสมอว่า ยังรักภรรยาเก่าอยู่ และอยากจะขอคืนดีกับภรรยาเก่า

เพราะยังลืมไม่ได้ ที่สำคัญแม่นายเจ บอกว่า นายเจเคยบอกกับแม่ว่าจะไปทำร้ายภรรยาเก่าหากไม่ยอมคืนดีด้วย ซึ่งแม่ก็ได้เตือนนายเจไปว่าให้ต่างคนต่างอยู่ เพราะแม่รู้ว่าลูกชายของตัวเองเป็นคนขี้โมโหง่ายและเป็นคนอารมณ์ร้อนและรุนแรง ยังเคยส่งข้อความไปเตือนภรรยาเก่าของลูกชายเลยว่าให้ระวังตัวด้วย

เพราะตอนนี้นาย เจ ยังโมโหเรื่องที่หย่ากันอยู่ ซึ่งทางแม่เองก็ไม่คิดว่าลูกชายจะมาก่อเหตุจริงจริง ทั้งนี้แม่ของนาย เจ บอกว่าหลังจากที่ลูกชายโดนจับกุมได้คุยกับลูก

โดยลูกยอมรับว่าทีทำไปเพราะอารมณ์ชั่วครู่เกิดจากความหึงเพราะตนเองยังรักคนตายอยู่มาก และยังอยากกลับมาคืนดี ตอนนี้ได้แต่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป และนายเจยังเล่าให้แม่ฟังว่า

เมื่อคืนผู้ตายมาเข้าฝัน โดยมาถามว่าทำไมต้องฆ่าเขาด้วย ยิ่งทำให้ลูกชายรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น แต่แม่ก็ได้แต่ปลอบใจลูกให้ยอมรับผลของกระทำ ส่วนเรื่องจะไปฟังพระสวดศพของคนตายหรือไม่นั้นก็ขอดูก่อนเพราะไม่มีเงินมากพอที่จะเดินทางไป