ทนายตั้ม โพสต์ รู้สึกผิดหวังหลังจากที่โดนตำหนิเรื่องของการติดตามคดีแตงโม

            ทนายตั้ม โพสต์ รู้สึกผิดหวัง  สำหรับ ทนายสิทธา เบี้ยบังเกิด นั้นเป็นอีกหนึ่งคนที่ให้ความสำคัญพยายามที่จะสืบหาสาเหตุการเสียชีวิตของนักแสดงสาวแตงโมนิดา

โดยทนายตั้มนั้นค่อนข้างมีความสนิทสนมกับนักแสดงสาวเป็นพิเศษก่อนที่นักแสดงสาวจะเสียชีวิตเนื่องจากว่านักแสดงสาวนั้นเคยไปทานอาหารกับครอบครัวของทนายตั้มมาก่อนและรู้จักกับครอบครัวของทนายตั้มเป็นอย่างดี  ซึ่งการเสียชีวิตของแตงโมนั้นยังมีข้อสงสัยอีกหลายอย่างทำให้ทนายตั้มนั้นอยากจะเรียกร้องหาความเป็นธรรมให้กับนักแสดงสาว

       อย่างไรก็ตามในช่วงแรกนั้นทนายตั้มได้เข้าหาคุณแม่ของแตงโมเพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องของการติดตามหาสาเหตุของการเสียชีวิตของแตงโมแต่ภายหลังนั้นก็ถูกคุณแม่ของแตงโมตำหนิเมื่อเข้ามาก้าวก่ายเรื่องของคดีทางที่คุณแม่นั้นไม่ได้มีการร้องขอความช่วยเหลือนอกจากนี้คุณแม่ของแตงโม

ยังได้มีการเขียนจดหมายส่งไปยังสื่อต่างๆยืนยันว่ามีการว่าจ้างทนายความเป็นท่านอื่นและไม่ได้มีการว่าจ้างทนายตั้มให้ดำเนินคดีของแตงโมแต่อย่างใดพร้อมกันนี้ยังมีการเขียนจดหมายมาถึงทนายตั้มดูให้ยุติการติดตามหาความเป็นธรรมให้กับแตงโมเพราะคุณแม่นั้นได้มีการเตรียมว่าจ้างทนายความให้ติดตามคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

        อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าคุณแม่ของแตงโมจะออกมาต่อว่าทนายตั้มแต่ทางด้านทนายตั้มเองนั้นก็พยายามที่จะยังสืบหาข้อเท็จจริงต่อไป

เพราะมองว่าเป็นการทำความจริงให้ปรากฏครั้งสุดท้ายเพื่อตัวแตงโมนั่นเองซึ่งเรื่องนี้พี่ชายของแตงโมซึ่งเป็นพี่ชายคนละพ่อก็ได้ออกมายืนข้างฝั่งทางทนายตั้มยืนยันว่าจะเป็นคนช่วยเหลือทนายตั้มในการออกมาเคลื่อนไหวร้องขอความเป็นธรรมให้กับน้องสาวของตนเอง

         อย่างไรก็ตามได้มีการโพสต์เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการร่วมมือกันระหว่างทนายสิทธาและพี่ชายของแตงโมเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นทางพี่ชายของแตงโมก็ประกาศยุติการร้องขอความเป็นธรรมให้กับน้องสาวของตนเองทันทีโดยอ้างว่าไม่อยากมีปัญหากับแม่เพราะว่าแม่นั้นชรามากแล้วซึ่งเรื่องนี้ทำให้ทนายตั้มนั้นต้องออกมาโพสต์ว่าตนเอง

นั้นรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากทั้งการที่โดนแม่ของแตงโมตำหนิทั้งที่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาวของคุณแม่ในขณะเดียวกันพี่ชายของแตงโมที่ตอนแรกจะให้ความร่วมมือในการสืบสาวคดีความให้ชัดเจนก็ออกมาเทตนเอง  ทำให้ทนายตั้มถึงกับโพสต์ว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำของแท้

        อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าทนายตั้มจะไม่ได้รับความร่วมมือจากญาติของแตงโมในการหาความเป็นธรรมในการเสียชีวิตในครั้งนี้แต่ทนายตั้มก็ยืนยันว่าจะยังคงหาความเป็นธรรมให้กับแตงโมจนกว่าจะรู้สาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือแตงโมเป็นครั้งสุดท้าย

 

สนับสนุนโดย    มั่งมีหวย

สาวถูกตำรวจล่อซื้อน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า รีดไถเงินแสนบาท 

          สาวถูกตำรวจล่อซื้อน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า  สำหรับบุหรี่ไฟฟ้านั้นนับได้ว่าเป็นสิ่งของผิดกฎหมายที่ทางรัฐบาลของไทยยังไม่ได้มีการอนุมัติให้ขายในประเทศไทยได้

ดังนั้นหากพ่อค้าแม่ค้าคนไหนก็ตามที่นำบุหรี่ไฟฟ้ามาขายก็ถือว่าทำผิดกฎหมายและถ้าเกิดตำรวจทราบเรื่องก็สามารถเข้าจับกุมดำเนินคดีได้ทันทีซึ่งจะต้องมีการเสียค่าปรับหรืออาจจะติดคุกได้ด้วย

      เมื่อวันที่ 18 เดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2565 ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งได้มีการเข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่าเธอนั้นถูกแก๊งตำรวจรีดไถเงินข่มขู่เอาทรัพย์โดยหญิงสาวรายนี้ระบุว่าตัวเธอเองนั้นเป็นคนระยองทำอาชีพขายของผ่านทาง facebook โดยของที่เธอขายในก็คืออุปกรณ์ต่างๆเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า  

          อย่างไรก็ตามหญิงสาวรายนี้ระบุว่าเธอได้รับการติดต่อจากลูกค้ารายหนึ่งเมื่อวันที่ 5 เดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2565 หรือติดต่อขอซื้อน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าและเมื่อเธอนำไปให้กับลูกค้าปรากฏว่าเป็นตำรวจมาแสดงตัวว่าล่อซื้อและเข้าจับกุมเธอในที่สุด

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้พาเธอไปที่สถานีตำรวจแต่มีการเรียกเธอไปพูดคุย โดยบอกว่าจะไม่ดำเนินคดีเอาผิดกับเธอแต่ให้เธอนั้นจ่ายเงินมา 1 แสนบาทแทน ซึ่งหญิงสาวรายนี้ระบุว่าตัวเธอเองนั้นได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่มีเงินมากตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจร้องขออย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพยายามข่มขู่และแนะนำให้ไปยืมเงินญาติสุดท้ายหญิงสาวรายนี้จึงได้ตัดสินใจนำเงินสด 40,000 บาทมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแลกกับการที่ไม่ต้องถูกดำเนินคดี 

             อย่างไรก็ตามแก๊งตำรวจไม่ได้เพียงแค่เรียกร้องเงินค่าถ่ายเท่านั้นแต่ยังให้ผู้เสียหายบอกรายชื่อคนที่ขายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับแก๊งตำรวจเพิ่มอีก 2 รายด้วย

ซึ่งหญิงสาวรายนี้เชื่อว่าแก๊งตำรวจน่าจะมีการไปล่อซื้อแล้วรีดทรัพย์กับคนขายบุหรี่ไฟฟ้าที่ได้รายชื่อไปเช่นเดียวกันซึ่งเธอจำเป็นที่จะต้องให้ข้อมูลไปเพราะไม่อย่างนั้นตำรวจข่มขู่ว่าตัวเธอเองนั้นจะเป็นคนที่เดือดร้อนแทน

        อย่างไรก็ตามหญิงสาวรายนี้ระบุว่าแก๊งตำรวจจังหวัดระยองที่เกาะกลอยนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ชอบยัดความผิดให้กับประชาชนซึ่งเธอเคยเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตรวจฉี่ทั้งที่เธอนั้นไม่ได้เสพสารเสพติดแต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าชีวิตของเธอเป็นสีม่วงและเรียกเงินกับเธอเป็นจำนวนเงินถึง 20,000 บาท

ซึ่งไม่ใช่เธอเพียงคนเดียวที่นั้นพูดถูกตำรวจแก๊งเกาะกลอยนี้รีดไถประชาชนในจังหวัดระยองหลายคนก็มักจะถูกรีดไถในลักษณะนี้เช่นเดียวกันเธอจึงต้องการนำเรื่องนี้มาเผยแพร่ให้สื่อมวลชนได้ทราบเพื่อที่จะได้เป็นข่าวและหน่วยงานราชการจะได้เข้ามาดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อให้ประชาชนทุกคนในจังหวัดระยองได้รับความเป็นธรรม 

               

สนับสนุนโดย    alpha88

ครูประมาท ลืมเด็กป.2 ไว้ในรถจนเสียชีวิต 

กรณีที่มีข่าวว่ามีเด็กวัย 7 ขวบซึ่งเป็นเด็กนักเรียนชั้นป. 2 โรงเรียนเอกชนชื่อดังในจังหวัดชลบุรีเขตพื้นที่ของอำเภอพานทอง   จังหวัดชลบุรี 

ครูประมาท ลืมเด็กป.2 ไว้ในรถ ถูกคุณครูลืมไว้ในรถตู้ซึ่งเป็นรถรับส่งเด็กนักเรียนตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วมาพบอีกทีในช่วงเวลาเย็นทำให้เด็กเสียชีวิต    สำหรับคดีนี้ได้มีความคืบหน้าไปบางส่วนเนื่องจากว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเรียกตัวครูแอนและคนขับรถตู้ซึ่งก็เป็นคุณครูเหมือนกันมาให้ปากคำ

            สำหรับการให้ ปากคำของคุณครูคนขับรถและครูเวรซึ่งนั่งประจำอยู่บนรถตู้ได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าได้มีการขับรถไปรับเด็กหญิงวัย 7 ขวบที่เสียชีวิตที่บ้านหลังจากนั้นเด็กหญิงก็ขึ้นนั่งบนรถ ช่วงกลางของรถตู้ แล้วรถตู้ก็ยังได้ขับไปรับเด็กนักเรียนคนอื่นหลังจากนั้นจึงมาส่งเด็กนักเรียนที่โรงเรียนช่วงประมาณ 07:20 น . 

           อย่างไรก็ตาม ครูสาวซึ่งเป็นคนเวรได้ให้ข้อมูลว่าจะได้มีการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เด็กนักเรียนลงจากรถตู้ซึ่งครูเวรยืนยันว่าไม่เห็นว่าบนรถตู้นั้นยังมีเด็กนักเรียนหญิงวัย 7 ขวบอยู่จึงได้บอกให้คุณครูที่เป็นคนขับรถตู้นำรถไปจอดที่ลานจอดรถ  สำหรับครูซึ่งเป็นคนขับรถตู้นั้นได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า

โดยปกติแล้ว เมื่อครูพาเด็กลงจากรถเสร็จเรียบร้อยแล้วตนเองก็จะนำรถไปจอดที่ลานจอดรถซึ่งในวันดังกล่าวนั้นเมื่อนำรถมาจอดที่บริเวณลานจอดรถก็ได้เปิดประตูรถตู้เพื่อวางบนเกาะและวางใต้เบาะแต่ก็ไม่พบเห็นเด็กนักเรียนวัย 7 ขวบอยู่ในรถซึ่งครูที่ขับรถตู้เย็นยันว่าได้มีการมองสำรวจไปในรถตู้ถึง 2 ครั้งและยืนยันไม่เห็นเด็กอยู่ในรถจริงๆ 

        อย่างไรก็ตามคนขับรถตู้ด้วยกล่าวว่าหลังจากที่สำรวจแล้วว่าในรถไม่มีใครลืมของและไม่มีเด็กอยู่ในรถจึงได้ปิดประตูแต่ไม่ได้มีการล็อครถเอาไว้จนถึงช่วงเวลา 16:00 น จึงได้มาขับรถเพื่อไปรับเด็กนักเรียนกลับไปส่งที่บ้านซึ่งหลังจากที่เด็กนักเรียนชั้นอนุบาลเปิดประตูรถก็พบว่ามีเด็กหญิงวัย 7 ขวบนอนเสียชีวิตอยู่ในรถแล้ว 

           อย่างไรก็ตามมีเด็กนักเรียนชายซึ่งเป็นเพื่อนของเด็กหญิงผู้เสียชีวิตและเป็นคนที่นั่งมาในรถตู้คันเดียวกันกับผู้เสียชีวิตได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่าโดยปกติแล้วผู้เสียชีวิตนั้นมักจะนั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับหรืออาจจะมานั่งอยู่ในรถแต่ก็จะนั่งอยู่แถวหน้าแต่ในวันดังกล่าวนั้นผู้เสียชีวิตนั่งอยู่แถวกลางและโดยปกติแล้วผู้เสียชีวิตมักจะนอนหลับเมื่อขึ้นมาบนรถตู้แต่จะตื่นทันเมื่อรถมาถึงโรงเรียน

        สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาให้กับครูทั้งสองคน    มั่งมีหวยออนไลน์   อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการสอบสวนและรอผลการผ่าชันสูตรศพของเด็กหญิงที่เสียชีวิต 

โจรแสบกำลังจะย่องเข้าไปในบ้านแต่ต้องตกใจอย่างแรง หนีแทบไม่ทันเมื่อเจอเจ้าของอยู่ภายในบ้าน 

            เป็นเรื่องราวของผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งได้มีการนำคลิปวีดีโอกล้องวงจรปิดภายในบ้านของตนเอง

มาแชร์ในโซเชียลเพื่อเป็นการให้ทางโซเชียลนั้นช่วยติดตามหาตัวคนร้ายโดยในกล้องวงจรปิดจะเห็นได้ว่าที่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งได้มีผู้ชาย 2 คนสวมใส่หมวกและใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าปีนเข้ามาที่บริเวณรั้วด้านหน้าของบ้านหลังจากนั้นก็มาที่ประตูทางเข้าหน้าบ้าน

       ในระหว่างที่คนร้ายกำลังจะหาอะไรงัดบานประตูหน้าบ้านอยู่นั้น ปรากฏว่าคนร้ายได้มองเห็นภายในบ้านหลังจากนั้นคนร้ายทั้งสองคนก็พากันวิ่งออกจากประตูและปีนกำแพงรั้วบ้านหนีทันทีอย่างไรก็ตามเจ้าของโพสต์ได้มีการให้ข้อมูล

เพิ่มเติมว่าจนแสบทั้งสองคนนั้นปีนรั้วหวังที่จะเข้ามาขโมยทรัพย์สินภายในบ้านแต่บังเอิญว่าในขณะที่กำลังจะงัดประตูบ้านเข้ามากับได้ยินเสียงว่าภายในบ้านและมีคนอาศัยอยู่แล้วมองเห็นคนเดินอยู่ภายในบ้านทำให้โจรนั้นตกใจพากันหนีหายไป 

           อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 เดือนมีนาคมปีพศ. 2565 ซึ่งสถานที่เกิดเหตุนั้นเป็นบ้านหลังหนึ่งในจังหวัดระยองโดยเจ้าของบ้านนั้นอายุ 52 ปี  ได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงผู้สื่อข่าวที่ไปทำข่าวหลังจากที่คลิปดังกล่าว

มีการใช้การโด่งดังในโลกออนไลน์โดยทางเจ้าของบ้านระบุว่าคนร้ายนั้นได้ขับรถยนมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านบริเวณกำแพงบ้านหลังจากนั้นคนร้ายซึ่งคาดว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่บ้านจึงได้ปีนกำแพงเข้ามาด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นช่วงเวลากลางวันซึ่งเป็นช่วงเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆ 

          อย่างไรก็ตามโชคดีมากที่คนร้ายไม่ได้มีการขโมยทรัพย์สินอะไรไปเพราะไปเจอว่าเจ้าของบ้านยังคงอาศัยอยู่ภายในบ้านแล้วไม่ได้ออกไปนอกบ้านทำให้คนร้ายนั้นตกใจและวิ่งหนีไป  ซึ่งคลิปนี้ทางเจ้าของบ้านนั้นอยากจะให้คนในโลกออนไลน์

นั้นช่วยสังเกตว่าคนร้าย 2 คนที่อยู่ในคลิปนั้นเป็นใครเพื่อจะได้นำบ่สายดังกล่าวไปให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากว่าได้มีการนำคลิปไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามหาคนร้ายแล้ว

      นอกจากนี้เจ้าของบ้านวัย 52 ปียังได้มีการประสานงานขอความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มีการส่งสายตรวจมาขับวนภายในหมู่บ้านเพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่อาศัยภายในหมู่บ้านรวมถึงอยากจะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยมาทำการตั้งด่านตรวจบ่อยๆเพราะเกรงว่ามิจฉาชีพหรือพวกโจรขโมยนั้นจะออกอาละวาดเนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีหลายคนตกงานดังนั้นอาจจะมีคนต้องการใช้วิธีลัดด้วยการออกขโมยหาเงินมาใช้นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.  เครื่องช่วยฟัง

ลูกค้าไปเที่ยวคาเฟ่แมว แอบเปิดกรงแมว ทำแมวกัดกันได้รับบาดเจ็บ 

          ในโลกออนไลน์ได้มีร้านคาเฟ่สัตว์เลี้ยงร้านหนึ่งโพสต์ข้อความลงในโซเชียลวันที่ 6 เดือนเมษายนปีพศ. 2565 โดยข้อความที่โพสต์นั้นเป็นการโพสต์ต่อว่าลูกค้าที่ไปใช้บริการที่ร้านคาเฟ่ของตนเอง

ซึ่งได้มีการนำคลิปภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดภายในร้านนำมาลงโซเชียลให้ชาวเน็ตได้ดูกันด้วยโดยทางเจ้าของร้านนั้นไม่พอใจพฤติกรรมของลูกค้าที่ไปใช้บริการที่ร้านจึงได้นำข้อความนี้มาโพสต์เพื่อเป็นการเตือนสำหรับใครที่จะไปเที่ยวคาเฟ่สัตว์เลี้ยงนั้นว่าอย่าฝ่าฝืนกฎของทางร้านเพราะมันจะส่งผลต่อสัตว์เลี้ยงของทางร้าน

        สำหรับภาพในคลิปจะเห็นได้ว่าได้มีลูกค้าใช้ท่านหนึ่งเข้าไปใช้บริการคาเฟ่สัตว์เลี้ยงน้องหมาและน้องแมว

โดยคาเฟ่ดังกล่าวนั้นอยู่ที่จังหวัดชลบุรีอย่างไรก็ตามในขณะที่พนักงานงานกำลังยุ่งอยู่แล้วไม่ได้อยู่ตรงบริเวณกรงของสัตว์เลี้ยงนั้นปรากฏว่าลูกค้าชายได้โดยไปที่กรงสัตว์เลี้ยงแล้วมีการเปิดกรงสัตว์ทั้งที่ทางพนักงานก็ได้มีการแจ้งแล้วว่าจะมีสัตว์เลี้ยงที่ถูกขังไว้ในกรงห้ามเปิดออกมาโดยเด็ดขาดเนื่องจากว่ามีน้องแมวที่ไม่ถูกกันถูกขังเอาไว้ในกล่องเพื่อที่จะได้แยกกันซึ่งนอกจากพนักงานจะบอกกับลูกค้าแล้วยังมีการติดป้ายเอาไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องของการห้ามเปิดกรงแมว

          อย่างไรก็ตามชายคนดังกล่าวไม่ได้เพียงแค่เปิดกรงแมวเล่นเท่านั้นแต่ยังนำแมวเอาไปไว้ในกรงเดียวกันซึ่งแมวทั้ง 2 ตัวนั้นไม่ถูกกันทำให้แมวนั้นกัดกันภายในกองจนได้รับบาดเจ็บนอกจากนี้จะเห็นได้ว่าหลังจากที่ทำพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนจากที่ทางร้านระบุเอาไว้แล้วทั้งลูกค้าเองก็ไม่ได้มีการแจ้งให้ทางร้านทราบว่าได้มีการกระทำดังกล่าวและแมวกัดกันจนได้รับบาดเจ็บกับปล่อยเรื่องราวนิ่งเฉยและออกจากร้านไปกว่าทางร้านจะมาเห็นว่าแมวกัดกันนั้นสภาพแมวก็ได้บาดเจ็บเป็นแผลเวอะหวะ

           ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่น่ารักและสำหรับคนที่เป็นทาสแมวถ้าสัตว์เลี้ยงนั้นเรียกได้ว่าเป็นการทำร้ายจิตใจเป็นอย่างมากเพราะสงสารแมวมากที่ได้รับบาดเจ็บอย่างไรก็ตามเจ้าของคาเฟ่ยังระบุด้วยว่าทางร้านจะมีการเขียนข้อปฏิบัติข้อบังคับและขอความร่วมมือกับลูกค้าแปะไว้ที่บริเวณหน้าห้องของสัตว์เลี้ยงทุกห้อง  ไม่ว่าจะเป็นการห้างเปิดกรงสัตว์หรือแม้แต่การใส่รองเท้าเข้าไปในห้อง

          อย่างไรก็ตามทางเจ้าของร้านยืนยันว่าเรื่องนี้ต้องการที่จะแชร์ให้กับคนที่จะไปใช้บริการคาเฟ่แมวหรือคาเฟ่สุนัขว่าควรที่จะปฏิบัติตามกฎของทางคาเฟ่เนื่องจากว่ากดแต่ละกฎนั้นทางร้านจะมีการพิจารณาอยู่แล้วว่าตั้งขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของสัตว์เลี้ยงมากที่สุดนั่นเองและถ้าหากใครที่ไม่ชื่นชอบสัตว์เลี้ยงก็ไม่ควรไปเที่ยวคาเฟ่

 

สนับสนุนโดย.    alpha88

หนุ่มแชร์ประสบการณ์สุดตื้นตัน ได้รับน้ำใจจากพนักงานร้านอาหาร    

         ได้รับน้ำใจจากพนักงาน เมื่อวันที่ 25 เดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2563 เว็บไซต์ชื่อดังอย่างเอลิซาได้มีการใช้เรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเขาได้มีการแชร์ประสบการณ์ที่เขาได้เจอกับประสบการณ์ที่สุดตื่นตาตื่นใจจากพนักงานส่งอาหารร้านหนึ่งโดยชายหนุ่มคนดังกล่าวนั้นเป็นชาวอังกฤษระบุว่าตนเองนั้นเป็นคนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในเขต เวสต์มิดแลนด์ 

         ชายหนุ่มรายนี้เขาได้แชร์ประสบการณ์เรื่องราวดีๆที่เขารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากโดยเขาระบุว่าในวันดังกล่าวนั้นเป็นวันที่สภาพจิตใจของเขานั้นค่อนข้างแย่เป็นอย่างมากเพราะเขากำลังวิตกกังวลว่าอาจจะถูกไล่ออกจากงานก็เป็นไปได้ระหว่างนั้นเอง

เขาก็ได้มีการขับรถเข้าไปในร้าน McDonald’s ซึ่งมีการเปิดเป็นแบบ Drive thru ในจังหวะที่เขากำลังสั่งอาหารนั้นเขาก็โทรออกไปหาแม่ของเขาเพื่อสอบถามว่าแม่ของเขานั้นอยากกินอะไรบ้างเขาจะได้มีการสั่งเอาไปให้แม่

         อย่างไรก็ตามเมื่อหลังจากที่ชายหนุ่มรายนี้ได้มีการสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็ขับรถไปยังจุดตรงบริเวณที่จะต้องมีการชำระเงินแต่สายตาของเขาก็บังเอิญไปเห็นว่าพนักงานสาวที่เป็นคนคิดเงินของเขานั้นกำลังจ่ายเงินให้เขาพอดีเขาจึงได้มีการพูดคุยกับเธอโดยเธอยอมรับว่าเธอกำลังจ่ายเงินให้เขาจริงซึ่งค่าอาหารนั้นอยู่ที่ราคา 4 ปอนด์  

             เมื่อชายหนุ่มรายนี้ถามถึงเหตุผลในการจ่ายเงินให้เขาในครั้งนี้พนักงานสาวก็กล่าวแค่ว่าเธอรู้สึกชื่นชมที่เขานั้นนึกถึงครอบครัวนึกถึงแม่และเธอได้ยินตอนที่เขาโทรไปถามแม่ของเขาเลยจึงอยากตอบแทนความมีน้ำใจความรักที่เขามีต่อแม่ความห่วงใยที่มีต่อครอบครัวเล็กๆน้อยๆซึ่งเธอสามารถช่วยได้ก็คือจ่ายเงินค่าอาหารให้เท่านั้นเอง

          อย่างไรก็ตามชายหนุ่มรายนี้ได้มีการแชร์ประสบการณ์ความรู้สึกดีๆผ่านทางทวิตเตอร์ของเขาเองโดยเขามองว่าหญิงสาวที่เป็นพนักงานนั้นเธอทำงานที่ Mcdonald ไม่ได้มีเงินเดือนเยอะแยะมากมายซึ่งในแต่ละวันนั้นจะได้ค่าแรงเพียงแค่ชั่วโมงละ 7.25 ปอนด์เท่านั้น

แต่เธอกลับมีน้ำใจกับลูกค้าคนอื่นๆ  ชายหนุ่มรายนี้ยังระบุด้วยว่าจากวันที่เขากำลังท้อแท้ใจกับกลายเป็นวันที่ทำให้เขานั้นประทับใจซึ่งไม่ได้เกิดจากการที่เขาได้กินอาหารฟรีแต่เขารู้สึกว่ายังมีคนจิตใจดีเหมือนกับพนักงานคนดังกล่าวอยู่บนโลกใบนี้นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.   หวยฮานอย บาทละ 1000

เฉลยแล้วใครคือสามีของ CEO สาวที่แอบไปจดทะเบียนกับผู้ใหญ่บ้านจังหวัดบึงกาฬ 

     สามีของ CEO สาว  เมื่อวันที่ 9 เดือนมกราคมปีพศ. 2564 ทนายสิทธาเบี้ยบังเกิดได้มีการโพสต์ใน Facebook ส่วนตัวระบุว่ากำลังจะทำคดีความให้กับ CEO สาวรายหนึ่งเกี่ยวกับ คดีที่ CEO สาวรายนี้ถูกสามีปันใจนี้ไปจดทะเบียนสมรสกับหญิงสาวคนอื่น  โดยมีการระบุด้วยว่าหญิงสาวที่เป็นมือที่สามที่เข้ามาแทรกแซงชีวิตของ Co2 รายนี้นั้นเป็นถึงผู้ใหญ่บ้านของจังหวัดบึงกาฬซึ่งหญิงสาวรายนี้นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังระดับจังหวัดเลยทีเดียว

      อย่างไรก็ตามหลังจากเรื่องนี้ถูกแชร์ต่อๆกันไปจนเป็นเรื่องราวใหญ่โตมีสื่อต่างๆออกมาทำข่าวก็ทำให้ทางด้านฝ่ายชายซึ่งถูกระบุว่าเป็นสามีของ CEO สาวต้องออกมาพูดถึงเรื่องราวดังกล่าวโดยฝ่ายชายที่กำลังมีข่าวโด่งดังอยู่ในตอนนี้เขาเป็นอดีตนักร้องชื่อว่าแม็ก รักแท้   ไทยนิยม   โดยปัจจุบันนั้นเขายังคงทำงานเป็นเจ้าของบริษัทรักแท้ Entertainment ซึ่งปัจจุบันนี้เขาอายุ 45 ปีแล้ว 

       อย่างไรก็ตามแม้ค้าได้มีการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 13 เดือนมกราคมพ.ศ 2555 เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดย แม็ก ว่าเขาไม่ได้มีฝ่ายทอดทิ้งอดีตภรรยาของเขาแต่เขาถูกอดีตภรรยาของเขาทอดทิ้งและเขามีการเลิกกับอดีตภรรยาแล้วสักพักหนึ่งถึงมาเจอกับผู้ใหญ่บ้านที่ชื่อว่าเหมียวในจังหวัดบึงกาฬแล้วจึงตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วไปจดทะเบียนสมรสกัน

       อดีตนักร้องดังกล่าวว่าเขาและภรรยาของเขานั้นมีปัญหากันโดยเฉพาะเรื่องของทรัพย์สินที่เมื่อทะเลาะกันแล้วภรรยาของเขาต้องการที่จะเลิกกับเขาและต้องการที่จะแบ่งทรัพย์สินกับเขานอกจากนี้คนในบริษัทของเขาต่างก็พากันรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องของปัญหาชีวิตของเขาและอดีตภรรยาของเขาโดยอดีตภรรยาของเขานั้นหวังจะพบกิจการของเขาแต่เขาเองนั้นมีลูกน้องและมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบดังนั้นเขาจึงได้ออกมาลุกขึ้นสู้และใช้ชีวิตตามปกติซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ได้เจอกับผู้ใหญ่บ้านสาวคนดังกล่าว

        นอกจากนี้อดีตนักร้องหนุ่มยังกล่าวด้วยว่าผู้ใหญ่บ้านสาวนั้นเป็นคนที่จิตใจดีและเป็นที่รักของชาวบ้านเป็นอย่างมากหลังจากที่ทั้งคู่นั้นได้รู้จักกันก็บ่ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวชีวิตปูมหลังของกันและกันซึ่งทางด้านพญาใหม่นั้นเข้าอกเข้าใจเขาเป็นอย่างดีหลังจากนั้นก็มีการติดต่อพูดคุยกันเรื่อยมาและตัวเขาเอง

ก็ประคับประคองธุรกิจของเขาจนธุรกิจของเขานั้นสามารถพ้นวิกฤตไปได้ซึ่งหลังจากที่ตัวเขานั้นสามารถลุกขึ้นมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้วและเห็นได้ว่าคนที่อยู่กับเขามาโดยตลอดในระหว่างที่เขาประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจคือใครเขาจึงตัดสินใจที่จะก้าวผ่านชีวิตอันเลวร้ายและเริ่มต้นชีวิตใหม่จึงได้ตัดสินใจขอผู้ใหญ่บ้านสาวคนดังกล่าวแต่งงาน

        อย่างไรก็ตามอดีตนักร้องหนุ่มยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นฝ่ายทอดทิ้ง CEO สาวก่อนแต่ถูกทอดทิ้งหลังจากที่ธุรกิจประสบปัญหาและเมื่อเขาขึ้นมาได้ฝ่ายหญิงก็กลับมาง้อให้เขากลับไปอยู่ด้วยแต่เขายืนยันที่จะ Move on ไปต่อเท่านั้นเองทำให้ co3 ไม่พอใจจึงติดต่อทนายเพื่อทำเรื่องฟ้องร้องจนเป็นข่าวดัง 

 

สนับสนุนโดย.   หวยออนไลน์บาทละ 1000

ชายวัย 59 ปีแจ้งเจ้าหน้าที่จับกุมสาวหลอกให้โอนเงินเป็นแสนหลังคุยกัน 2 ปี ผ่านทาง Social Media 

ชายวัย 59 ปีแจ้งเจ้าหน้าที่   เมื่อวันที่ 27 เดือนตุลาคมปีพศ 2564    มีชายวัย 59 ปีได้เดินทางไปที่สภสันกำแพงจังหวัดเชียงใหม่เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับหญิงสาวรายหนึ่งโดยระบุว่าหญิงสาวดังกล่าวนั้นได้มีการหลอกลวงหลอกคบหากันจนทำให้เขาหลงรักและมีการโอนเงินไปให้ใช้จ่ายเป็นจำนวนแสนบาทแต่แล้วหญิงสาวก็ทอดทิ้งเขา  

 อย่างไรก็ตามชายวัย 59 ปีได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมว่าเขารู้จักกับหญิงสาวคนดังกล่าวมานานถึง 2 ปีแล้ว

โดยรู้จักการผ่านทาง facebook หลังจากนั้นก็มีการพูดคุยกันเลยมาด้วยหญิงสาวบอกเขาว่าเธอทำงานเป็นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนซึ่งตลอดระยะเวลาที่คบหากันก็คบหากันในลักษณะของคนรัฐและตั้งใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยหญิงสาวนั้นมักเจ้าของเงินให้เขาโอนไปให้ช่วยเหลืออยู่เป็นประจำแต่ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่คบหากันเขาก็ไม่เคยเห็นตัวจริงของหญิงสาวมาก่อนเห็นแค่รูป profile ใน facebook เท่านั้น

       อย่างไรก็ตามหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับทราบข้อมูลก็ออกปฏิบัติการตามหาหญิงสาวคนดังกล่าวทันทีซึ่งหญิงสาวได้หลบหนีอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการควบคุมตัวมาที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงโดยมีชายวัย 59 ปี

ซึ่งเป็นผู้เสียหายเดินทางมาที่สถานีตำรวจเพื่อต้องการดูหน้าคนร้ายหลังจากที่เดินทางมาถึงชายวัย 59 ปีก็ถึงกับผงะเนื่องจากว่าคนร้ายมีหน้าตาไม่ตรงกับใน Facebook ซึ่งเธอนั้นได้ไปเอาภาพคนอื่นมาสร้างเป็นโปรไฟล์ของตนเอง

       ที่สำคัญข้อมูลส่วนตัวที่เธอให้กับชายวัย 59 ปีนั้นเป็นข้อมูลเท็จทั้งหมดโดยเธอไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตชดเธอเป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือรปภเพียงเท่านั้น  อย่างไรก็ตามทางด้านผู้เสียหายยืนยันที่จะดำเนินคดีกับคนร้ายให้ถึงที่สุดเพื่อที่จะได้หลับจำและไม่ไปหลอกลวงคนอื่น

โดยทางผู้เสียหายยอมรับกับนักข่าวว่าเขาหลงรักหญิงสาวมานานมีการพูดคุยตกลงกันพร้อมที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแต่มาถูกหลอกลวงแบบนี้เขายอมรับไม่ได้ที่สำคัญเขาเสียเงินไปเป็นแสนแม้แต่แขนเขาก็ยังไม่ได้จับของหญิงสาวเลย

           สำหรับคดีฉ้อโกงในลักษณะของการโอนเงินไปให้อีกฝ่ายหนึ่งที่รู้จักผ่านทาง Social Media และสัญญาเป็นแฟนกันนั้นไม่ใช่เค้กแค่ของคุณลุงวัย 59 ปีเคสนี้เคสเดียวแต่ก่อนหน้านี้ก็มักจะมีคดีในลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งซึ่งมักจะเจอกันผ่านทาง Social Media  และส่วนใหญ่ผู้เสียหายมักจะหลงผู้ Profile ยังไม่เห็นตัวจริงก็มีการโอนเงินไปให้เขาเป็นจำนวนหลายแสนโดยเรื่องแบบนี้เป็นข่าวโด่งดังอยู่บ่อยครั้งเพื่อต้องการให้เป็นอุทาหรณ์ของคนที่เล่นโซเชียลแต่ก็มักจะยังเห็นคนถูกหลอกแบบนี้เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ 

 

สนับสนุนโดย.    aesexy

เน็ตไอดอลสาวติดหนี้การพนันต้องการหาเงินไปใช้หนี้จึงหลอกขายของให้กับแฟนคลับ

  เน็ตไอดอลสาวติดหนี้ มีการเปิดเผยเอามาจากเว็บไซต์ของประเทศMalaysia เกี่ยวกับข่าวของบล็อกเกอร์สาวรายหนึ่งซึ่งเธอนั้นเป็นทั้งเน็ตไอดอลและโบรกเกอร์ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศใครๆต่างก็รู้จักเธอเป็นอย่างดีซึ่งเมื่อไม่นานมานี้เองหญิงสาวคนดังกล่าวได้ตกเป็นข่าวอื้อฉาวเมื่อเธอนั้นถูกบรรดาแฟนคลับของตัวเองนั้นออกมาแฉพฤติกรรมของเธอ

       ตามรายงานข่าวระบุว่าบรรดาแฟนคลับทั้งหลายของหญิงสาวรายนี้นั้นได้มีการออกมาเปิดเผยว่าเน็ตไอดอลคนสวยนั้นได้มีการหลอกขายสินค้าให้กับแฟนคลับด้วยสินค้าที่นำมาขายให้นั้นก็มีราคาแพงมากเกินกว่าความเป็นจริงนอกจากนี้มีบรรดาแฟนคลับหลายคนเริ่มไม่พอใจกับพฤติกรรมของเธอ

      อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีแรงกดดันจากแฟนคลับออกมาเป็นจำนวนมากทำให้เน็ตไอดอลสาวคนดังกล่าวนั้นได้ออกมายอมรับว่าเธอได้มีการขายสินค้าให้กับแฟนคลับของเธอในราคาที่สูงจริงทั้งนี้เธอต้องการนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการไปชำระหนี้

โดยเน็ตไอดอลสาวระบุว่าตัวเธอนั้นเป็นหนี้หนี้สินเป็นจำนวนมากเลยทีเดียวซึ่งนี่นั้นเกิดมาจากการที่เธอนั้นไปเล่นการพนันนั่นเองซึ่งเธอจำเป็นที่จะต้องหาเงินมาใช้หนี้อย่างเร่งด่วน

      หลังจากที่เน็ตไอดอลสาวคนนี้ตกเป็นข่าวเรื่องของการขายสินค้าให้กับแฟนคลับในราคาสูงแล้วต่อมาไม่นานเธอก็ยังเป็นข่าวใหม่อีกรอบนึงซึ่งในครั้งนี้ข่าวของเธอนั้นเป็นที่พูดถึงกันเป็นอย่างมาก

เนื่องจากว่าเธอได้มีการโพสต์ภาพของตัวเองนั้นลงในโซเชียลมีเดียแล้วภาพที่เธอถูกนำมาโพสต์นั้นปรากฏว่ามีคนสังเกตเห็นว่าร่างกายของเธอนั้นมีรอยพกช้ำทั้งเขียวและม่วงเต็มไปหมด

         ซึ่งทำให้บรรดาที่ตามโซเชียลมีเดียของเธอนั้นเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวรายนี้ซึ่งเธอเองนั้นก็ได้มีการเขียนข้อความบรรยายใต้ภาพด้วยว่าสาเหตุที่ทำให้เนื้อตัวของเธอเขียวและพกช้ำนั้นก็เพราะว่าเกิดความรุนแรงเกิดขึ้นกับเธอเนื่องจากเธอนั้นถูกทำร้ายร่างกายจากชายฉกรรจ์ 2 คนซึ่งน่าจะเป็นเจ้าหนี้ของเธอไปทำการทวงหนี้จากเธอโดยไปหาเธอที่บ้านเก่าที่เธออาศัยอยู่กับน้องสาวเพื่อไปเอารถ

          ซึ่งเธอและน้องสาวของเธอนั้นถูกทำร้ายร่างกายทั้งคู่อย่างไรก็ตามหญิงสาวรายนี้ยังระบุด้วยว่าทุกวันนี้เธอจะต้องมีการใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้ของเธอซึ่งในแต่ละเดือนนั้นเธอแทบไม่มีเงินใช้จ่ายเองเลยเพราะต้องเอาเงินไปใช้หนี้ทั้งหมดแต่มันก็ยังไม่เพียงพอใจนี้ยังคงติดตามทวงหนี้อยู่เสมอและเมื่อไม่มีเงินให้เจ้าหนี้ก็จะทำร้ายร่างกายเธอนั้นเองซึ่งล่าสุดนั้นเธอถูกเจ้าหนี้เตะเข้าที่หน้าท้องและชกไปที่ใบหน้าของเธออีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย.    หวยดี

คลิป อุทาหรณ์สาวเดินในซอยเปลี่ยวคนเดียวถูกหนุ่มหื่นขืนใจกลางถนน 

       ถูกหนุ่มหื่นขืนใจกลางถนน  เว็บไซต์ของ Apple Daily ได้มีการโพสต์ข้อความภาพเหตุการณ์ชวนสะเทือนขวัญเมื่อวันที่ 7 เดือนตุลาคม ปีพ.ศ. 2564 เนื่องจากว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นกลางถนนสาธารณะกลางเมืองเฉาซาน    มณฑลกวางตุ้งของประเทศจีนเลยทีเดียว  โดยเว็บไซต์ได้มีการเผยแพร่คลิปซึ่งถูกบันทึกจากกล้องวงจรปิดบริเวณพื้นที่เกิดเหตุในคลิปจะเห็นได้ว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งเดินมาคนเดียวบนถนนดังกล่าวซึ่งเป็นถนน

       ซึ่งอยู่ในซอยไม่ใหญ่มากนักและในขณะที่เดินหญิงสาวคนดังกล่าวก็ก้มเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดเวลาไม่ได้มองทางและไม่ได้มีการสังเกตการณ์หรือระมัดระวังตัวเองแต่อย่างใดอย่างไรก็ตามเรื่องราวน่าตกใจก็เกิดขึ้นเมื่ออยู่ๆก็มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากซอกตึกหลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปข้างหลังหญิงสาวคนดังกล่าวและเข้าจู่โจมใช้กำลังบังคับขืนใจหญิงสาวทันที

       ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นบนถนนในซอยดังกล่าวนั้นเองในขณะที่หญิงสาวคนดังกล่าวพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือแต่ปรากฏว่าผ่านไปหลายนาทีก็ไม่มีใครออกมาให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใดโชคดีมากที่หลังจากลงพื้นกลางคนดังกล่าวพยายามเอามือล้วงเข้าไปในกระโปรงของเธอสักพักหนึ่งเขาก็วิ่งหนีออกไปจากจุดเกิดเหตุเอง

ทำให้เธอนั้นไม่ได้รับอันตรายอะไรมากซึ่งหลังจากที่คลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักโดยหลายคนนั้นรู้สึกไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้มีการออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นหาตัวคนร้ายคนดังกล่าวมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด 

         นอกจากนี้เหตุการณ์ในครั้งนี้ยังมีการถูกแชร์กันในโลกออนไลน์ของประเทศจีนเป็นอย่างมากซึ่งได้มีการตั้งเป็นกระทู้อุทาหรณ์เตือนใจของผู้หญิงเวลาที่จะเดินทางไปไหนไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันหรือช่วงเวลากลางคืนหากต้องเดินทางไปเพียงลำพังหรือหากต้องเดินทางไปในที่เปลี่ยวหรือที่ลับตาคนควรจะต้องมีความระมัดระวังและควรหลีกเลี่ยงการเดินทางเพียงคนเดียวจะเป็นการดีที่สุด

เพราะอันตรายอาจจะเกิดขึ้นตอนไหนก็ได้ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งดังกล่าวนั้นนับได้ว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากๆที่คนร้ายนั้นไม่ได้ทำร้ายอะไรมากและได้วิ่งหนีไปเองเพราะถ้าหากมีการต่อสู้กันเกิดขึ้นหรือคนร้ายนั้นเตรียมอาวุธมาอาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสได้ 

   อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในคลิปที่มีการเผยแพร่กันในประเทศจีนนี้ไว้ได้มีอันตรายเฉพาะในประเทศจีนอย่างเดียวเท่านั้นแต่ทุกประเทศก็สามารถเกิดอันตรายแบบนี้ขึ้นได้ ดังนั้นเวลาที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวจึงควรเดินทางด้วยความระมัดระวังและไม่ควรก้มหน้าก้มตาเล่นแต่มือถือเพราะไม่ใช่เพียงจะโชคร้ายอาจเจอคนร้ายเท่านั้นแต่สามารถอาจเกิดอุบัติเหตุถูกรถชนหรือรถเฉี่ยวได้ถ้าหากเราไม่ดูทางให้ดี 

 

สนับสนุนโดย.    3 ตัว บาทละ 1000