บทเรียนราคาแพง กู้หนี้ กยศ.

บทเรียนราคาแพง กู้หนี้ กยศ. ติดหนี้เพียงแค่หมื่นเจ็ดพันบาท กลับถูกยึดบ้านราคาสองล้าน

       สำหรับใครที่เคยเป็นลูกหนี้ของ  กยศ. ซึ่งการเป็นหนี้ของ กยศ. จะเป็นการปล่อยเงินกู้ให้กับเหล่านักเรียนนักศึกษาที่ต้องการนำเงินดังกล่าวนั้นไปทำการศึกษาต่อในระดับชั้นชาตรีหรือในระดับชั้นอาชีวศึกษาซึ่งการกู้ของนักเรียนนักศึกษานั้นสามารถทำได้โดยจะต้องมีการเซ็นค้ำประกันซึ่งคนที่เซ็นค้ำประกันนั้นจะเป็นพ่อแม่พี่น้องหรือเครือญาติ

หรือคนที่เรารู้จักก็ได้โดยในปัจจุบันนี้มีนักเรียนนักศึกษาที่ทำเรื่องขอกู้เงินกับทาง กยศ. เพื่อไปเป็นค่าเล่าเรียนนั้นเป็นจำนวนมากแต่ก็มีเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกันที่เมื่อมีการกู้เงินและได้เงินไปร่ำเรียนหนังสือจนจบแล้วกลับไม่มีการนำเงินมาใช้หนี้คืนกับทาง กยศ. ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีการประกาศออกไปติดตามเรื่องการทวงหนี้หลายครั้ง

แต่ส่วนใหญ่นั้นก็จะมีการเพิกเฉยหลังจากที่ไม่มีการใช้หนี้ทาง กยศ. ว่าจะมีการติดตามทวงหนี้จากคนที่ค้ำประกันซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากคนค้ำประกันไม่มีการนำยอดหนี้มาชำระก็จะถูกดำเนินคดีตามหมายศาลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเธอนั้นอายุ 38 ปีเธอบอกว่าเมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว

เธอได้มีการกู้เงินกับทาง กยศ. มาจำนวนหนึ่งเพื่อที่จะทำการจ่ายเป็นค่าเล่าเรียนของเธอซึ่งในขณะนั้นเธอเรียนอยู่ในระดับอาชีวศึกษาอย่างไรก็ตามเมื่อเธอมีการเรียนจบและทำงานเธอก็มีการผ่อนใช้หนี้กับทาง กยศ. เรื่อยมาจนในช่วงหลังๆนั้นเธอมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของทางด้านการเงินและเธอต้องย้ายที่ทำงานไปอยู่ต่างจังหวัดเธอจึงไม่ได้ผ่อนจ่ายกับทาง กยศ. อีกเลย

ซึ่งแน่นอนว่ายอดเงินที่เธอมีการค้าคงเหลือกับทาง กยศ.  เป็นเงินเพียงแค่หนึ่งหมื่นเจ็ดพันบาทเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามเธอได้มีการออกมาร้องเรียนกับทางผู้จัดการขอให้ช่วยเธอประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ของสารเนื่องจากว่าจำนวนเงินที่เธอติดค้างนั้นค่อนข้างน้อยมากเมื่อเทียบกับการที่ทางศาลนั้นได้อนุมัติให้มีการยึดทรัพย์สินของเธอไป

ซึ่งทรัพย์สินของดังกล่าวนั้นไม่ใช่ของเธอโดยตรงแต่เป็นพ่อของเธอโดยเธอระบุว่าตอนที่เธอยื่นเรื่องขอกู้เงินเธอไม่ได้ให้พ่อเธอเซ็นคำประกันแต่คนที่เซ็นค้ำประกันนั้นคือแม่ของเธอซึ่งแน่นอนว่าในขนาดนั้นพ่อกับแม่ของเธอนั้นสมรสกันในปัจจุบันนี้พ่อกับแม่เธอนั้นมีบ้านกันคนละหลังดังนั้นศาลอาญาอนุมัติหมายยึดบ้าน

ซึ่งเป็นบ้านของพ่อเธอแต่ไม่ได้ยินเป็นการยึดบ้านของแม่เธอซึ่งเป็นอีกหลังหนึ่งโดยสารนั้นเลือกที่จะยึดบ้านหลังที่มีราคาแพงที่สุดซึ่งมีแล้วค่าถึง 2 ล้านบาทในขณะที่เธอเป็นหนี้แค่เพียงหมื่นกว่าบาทเท่านั้นทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจกับการจัดการของศาลในครั้งนี้เพราะเธอนั้นไม่ได้รับหมายศาลเกี่ยวกับเรื่องของการติดตามให้ไปชำระหนี้

แต่อย่างใดอยู่ๆเธอก็ได้รับหมายศาลว่าจะทำการยึดบ้านดังนั้นเธอมองว่าการจัดการแบบนี้ไม่ยุติธรรมกับประชาชนจึงอยากให้นักข่าวนั้นได้ทำข่าวเพื่อที่จะหาแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ต่อไปอย่างไรก็ตามเบื้องต้นทางหญิงสาวได้มีการเข้าไปร้องเรียนกับทางศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัดให้มีการเข้ามาช่วยเหลือในครั้งนี้เบื้องต้นแล้ว

 

สนับสนุนโดย  letou