ล่าโจรสมหน้ากากอนามัยพกปืนปล้นร้านทองกลางเมืองสงขลาได้ทองไป 6 บาท

           เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดสงขลาได้รับการแจ้งขอความช่วยเหลือว่ามีคนปล้นร้านทองที่ห้างทองธนะพัฒน์อยู่บริเวณถนนทะเลหลวงเบอร์ร้านทองร้านนี้เป็นร้านทองสาขาที่ 2 ของห้างทองธนะพัฒน์เกิดเหตุเมื่อวันที่ 24 เดือนพฤษภาคมปี พ.ศ. 2563 เวลาประมาณ 13:30 น. คนร้ายซึ่งเป็นผู้ชายคาดว่าน่าจะอยู่ในวัยกลางคนสวมใส่หน้ากากอนามัยและปืนเดินเข้าไปในร้านทอง

โดยทันทีว่าซื้อสร้อยคอซึ่งให้เจ้าของร้านหยิบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทให้ดูหลังจากเจ้าของร้านยื่นสร้อยคอทองคำให้ชายคนดังกล่าวก็ได้หยิบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทจำนวน 2 เส้นไปโดยใช้ปืนข่มขู่เจ้าของร้านหลังจากนั้นก็เดินออกจากร้านโดยมีรถมอเตอร์ไซค์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจอดรออยู่แล้วพากันหลบหนีไปซึ่งทองจำนวน 6 บาท

หากคิดเป็นเงินก็เป็นมูลค่าถึง 150,000 บาทเลยทีเดียวทางด้านเจ้าของร้านได้บอกกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าในช่วงที่เกิดเหตุนั้นตนเองไม่ได้อยู่ตรงบริเวณหน้าร้านมีพนักงานที่เป็นลูกจ้างอยู่ประมาณ 3 คนซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมดทำให้คนร้ายทั้งสองคนเดินเข้ามาในร้านแล้วใช้ปืนออกมาจี้ให้พนักงานส่งสร้อยให้หลังจากนั้นก็หนีขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไป

โดยรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายที่เข้ามาจี้ทองไปในร้านนั้นพนักงานหญิง 3 คนให้การเหมือนกันว่าเป็นผู้ชายอายุน่าจะอยู่ราวๆวัยกลางคนสวมเสื้อสีแดงและใส่กางเกงขายาวสีดำโดยมีใส่แจ็คเก็ตสีดำอีกครั้งหนึ่งที่สำคัญจนได้สวมใส่หน้ากากอนามัยสีฟ้าทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามวงจรปิดหาทิศทางของโจรว่าจะหนีไปทางไหนซึ่งขนาดนี้ยังไม่พบตัวผู้ต้องสงสัย 

          ช่วงนี้เรามักจะได้ยินข่าวโจรปล้นร้านทองหรือแม้แต่โจรกระชากสร้อยกันเยอะเนื่องจากว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงไม่ดีประชากรยังไม่ค่อยมีงานทำและไม่มีเงินใช้จึงทำให้เราจะพบเห็นได้ว่าหลายคนเปลี่ยนจากคนดีกลายมาเป็นโจรเพราะต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองและครอบครัว  ดังนั้นช่วงนี้หลายๆคนคงต้องมีการระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องการใส่ทองออกไปข้างนอก

รวมถึงร้านทองเองอาจจะต้องมีการระวังอาจจะต้องมีการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเฝ้าร้านทองด้วย 1 คนเพื่อป้องกันโจรที่จะเข้ามาปล้นร้านทองรวมถึงโจรจะมากระชากกระเป๋าหรือกระชากสร้อยสนใจก็ตามที่พอจะรู้เบาะแสของคนร้ายก็สามารถให้เบาะแสกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เพื่อจะได้จับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ดี เราไม่ควรที่จะหันมาทำตัวเป็นโจรถึงแม้จะไม่มีเงินควรหางานทำที่สุจริตจะดีที่สุดเพราะถ้าถูกจับได้ต้องติดคุก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  sagame888

เกิดเหตุ กำนันใช้ปืนยิงลูกบ้านเสียชีวิต เหตุทะเลาะกันเรื่องโควิด-19 

          เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจม่วงงามได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตคาหน้าบ้านพักของตนเองซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เดือนพฤษภาคมปี พ.ศ. 2563   โดยจังหวัดที่เกิดเหตุนั้นคือจังหวัดสงขลา  เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากนางวัลยาภรรยาของผู้เสียชีวิตและนายสุมิตรพี่ชายของผู้เสียชีวิตให้คำการเข้าจับกุมผู้ก่อเหตุที่เป็นคนยิงผู้เสียชีวิตนั้น

ก็คือนายณรงค์ชัยซึ่งเขามีตำแหน่งหน้าที่เป็นกำนันที่ตำบลม่วงงามโดยทั้งคู่เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุว่าผู้เสียชีวิตนั้นที่ว่านายเสรีในวันดังกล่าวนั้นนายเสรีนั่งกินเหล้าอยู่กับเพื่อนที่หน้าบ้านเรียนโต๊ะหินซึ่งระหว่างที่นั่งกินเหล้าอยู่นั้นก็พบว่ากำนันณรงค์ชัยได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ขับผ่านมาซึ่งที่จริงแล้วกำนันลงใช้ขับรถเลยไป

แล้วแต่ไม่มีการย้อนกลับมาที่หน้าบ้านของนายเสรีอีกครั้งหนึ่งโดยนายณรงค์ชัยได้มีการบวกกับนายเสรีและเพื่อนที่นั่งกินเหล้ากันว่าให้เรียมเลิกกินได้แล้วเพราะว่าใกล้จะครบเคอร์ฟิวแล้วซึ่งนายเสรีซึ่งขณะนั้นกำลังเมาสุราจึงได้มีการต่อว่ากำนันณรงค์ชัยไปโดยลักษณะคำพูดของนายเสรีนั้นเป็นลักษณะของการดูถูกตำแหน่งหน้าที่การงานของกำนันณรงค์ชัย

และที่สำคัญก่อนหน้านั้นเคยมีเรื่องทะเลาะกันมาก่อนเกี่ยวกับการที่นายเสรีเดินทางกลับมาจากต่างจังหวัดทำให้กำนันณรงค์ชัยต้องสั่งให้ตัดตัวอยู่แต่ที่บ้านจนเกิดมีปากเสียงกันขึ้นเพราะนายเสรี ไม่ยอม จนวันนี้นายเสรีได้มาพูดจาดูถูกกำนันณรงค์ชัยอีกจึงทำให้กำนันไม่พอใจใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมากระหน่ำยิงใส่นายเสรีทันทีจนทำให้เสียชีวิตคาที่ส่วนเพื่อนๆที่นั่งกินเหล้ากันอยู่ในจุดที่เกิดเหตุนั้นต่างก็พากันวิ่งหนีลูกปืนไปคนละทิศละทาง

             ส่วนทางด้านกำนันณรงค์ชัยนั้นหลังจากก่อเหตุเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้มีการขับรถกลับไปที่บ้านของตนเองและไปอาบน้ำแต่งตัวหลังจากนั้นก็เดินทางไปหาปลัดอำเภอสิงหนครเพื่อให้ปลัดอำเภอนั้นพาเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยกำนันณรงค์ชัยนั้นได้ให้การปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องของการยิงนายเสรีซึ่งกำลังชัยบอก

แต่เพียงแค่ว่าตนเองนั้นเดินทางไปงานศพของลูกบ้านมาแล้วก็ขับกลับมาที่บ้านแต่ไม่ได้ไปก่อเหตุยิงนายเสรีแต่อย่างใดซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีการตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งหนึ่งและจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ ทั้งนี้ต้องมีการตามตัวเพื่อนของนายเสรีมาให้ปากคำว่าสรุปกำนัน ณรงชัย ได้ก่อเหตุยิงนายเสรีย์จริงหรือไม่ 

 

สนับสนุนโดย  sagame

คุณพ่อคุณแม่พึ่งแจ้งวัยรุ่นเตรียมฆ่าเพื่อนแถมขุดหลุมเตรียมฝังศพเรียบร้อย

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เองซึ่งก็คือวันที่ 12 เดือนนี้ซึ่งได้มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงอายุประมาณ  13 ปีขึ้น ซึ่งวัยรุ่นกลุ่มนี้นั้นได้สั่งให้มีเด็กหญิงคนหนึ่งมาหาและหลังจากนั้นก็ทำการรุมทำร้ายซึ่งทำร้ายเป็นเวลามากกว่า 4 ชั่วโมงระหว่างที่คนในแก๊งทำร้ายอยู่อีกคนหนึ่งก็ทำการขุดหลุมฝังศพเด็กสาวคนนั้น มีข่าวลือมาว่าจริงๆแล้ว

เด็กสาวคนที่ถูกกระทำทำร้ายนั้นว่ากันว่าเด็กสาวคนนี้ได้แอบคบกับแฟนหนุ่มของคนที่ทำร้ายเธอเป็นคนที่ทำร้ายเธอนั้นเมื่อรู้ว่าโกรธมากเพราะว่าแฟนหนุ่มคนนั้นก็คือแฟนหนุ่มของคนที่ทำร้ายเองซึ่งดังนั้นเธอจึงทำการคิดที่จะชำระแค้นด้วยการที่จะฆ่าหญิงสาวคนนั้นให้ตายซะแต่กลับมีคนแอบถ่ายคลิปไว้ก่อนทำให้เธอจำเป็นที่จะต้องปล่อยเด็กสาวคนนั้นไป

ซึ่งหลังจากนั้นหญิงสาวก็ได้ไปหาพ่อแม่และเล่าเรื่องให้ฟังซึ่งพ่อแม่นั้นก็ได้ไปหาตำรวจแจ้งความจับกลุ่มเด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นซึ่งเมื่อตำรวจขอคำอธิบายเด็กสาวได้บอกว่าเธอนั้นคือเหยื่อของกลุ่มเองซึ่งวันนั้นมีการจัดปาร์ตี้วันเกิดของคนในกลุ่มวัยรุ่นที่ทำร้ายเธอซึ่งเด็กสาวคนนั้นก็ได้ไปร่วมงาน

ซึ่งหลังจากนั้นก็มีแฟนหนุ่มของเจ้าของวันเกิดขึ้นก็คือคนที่ทำร้ายเธออยู่ในงานซึ่งทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนกันมาก่อนจากโรงเรียนอื่นทั้งสองจึงคุยกันอย่างสนุกสนานซึ่งหลังจากนั้นคนที่ทำร้ายเธอก็ได้เห็นเขาว่าเธอกำลังคุยกับแฟนของตัวเองอยู่เป็นกรดเป็นอย่างมากหลังจากที่งานวันเกิดเสร็จไประหว่างที่เธอกำลังจะกลับบ้านแล้วบอกว่าให้เธอแต่งตัวดีๆแล้วมาหาเธอที่บ้านของตัวเองด้วยห้ามชวนใครมาด้วยซึ่งหญิงสาวก็ไม่รู้อะไรเลยสักนิดจึงได้เดินทางตามไป

หลังจากแต่งตัวใหม่จนเสร็จซึ่งหลังจากนั้นเมื่อเธอเข้าไปในบ้านเธอพบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งอายุ 14 ปีมามัดขามัดแขนของเธอเอาไว้หลังจากนั้นพวกคนเหล่านั้นก็ได้ทำการทำร้ายทารุณเธอซึ่งการทำร้ายที่โหดที่สุดนั่นก็คือการนำมีดมากรีดที่หลังจากนั้นซึ่งหลังจากทำร้ายเสร็จคนในกลุ่มก็พากันชี้ไปที่หลุมหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆกันหลังจากนั้นพวกเขาก็บอกว่าเมื่อเธอเสียชีวิต

พวกเขาจะนำเธอไปฝังศพไว้ในนั้นแต่โชคดีที่แก๊งเหล่านั้นถูกพ่อแม่เรียกไปก่อนดังนั้นถึงไม่มีใครเห็นเธอและเธอก็ใช้โอกาสนี้การวิ่งหนีกลับบ้านแล้วไปฟ้องพ่อแม่ให้ไปบอกกับตำรวจซึ่งหลังจากที่ได้มีการเผยแพร่ออกไปกับการทำร้ายทารุณเด็กสาวกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็ถูกแย่งกันอย่างมากมายและตอนนี้ก็ถูกจับกุมเรียบร้อยแล้ว

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  สูตร บาคาร่า bk8

โจนูโว ดูถูกมนุษย์ด้วยกัน

โจนูโว ดูถูกมนุษย์ด้วยกัน คนที่ควรตายไม่ใช่โรคโควิค-19แต่จะตายเพราะดูถูกมนุษย์

ปรากฏว่าวันนี้เรื่องที่มันไม่ควรจะมาเป็นเรื่องก็คือ คุณ โจนูโว อดีตนักร้องดังซึ่งเคยเป็นขวัญใจของวัยรุ่นทั้งหลายที่ได้เคยโด่งดังไปเมื่อ20-25ปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงนี้เขาก็ไม่ได้มีผลงานออกมานาน แต่เมื่อ25ปีที่แล้ว  โจนูโว ก็คือขวัญใจหญิงสาวทั่วประเทศที่ทำเอาผู้หญิงทั้งหลายที่ได้เห็น พี่โจนูโวที่ไหนอันเป็นจะต้องกรี๊ดที่นั่น โจนูโวไม่ค่อยโด่งดังในเรื่องของผลงานทางงานเพลงแต่ก็มักจโด่งดังในเรื่องของการแสดงความคิดเห็นและหลายครั้งการที่ได้ไปแสดงความคิดเห็นของ โจนูโว นั้น

มันได้เป็นความเห็นที่แบบที่มันไม่ค่อยดูจะเป็นประชาธิปไตรมันได้เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ประชาชนทั้งหลายมองว่ามันได้ดูหมิ่นเหยียดหยามคนจนสังคมมองว่ามันได้เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามความเป็นมนุษย์หรือว่าแม้กระทั่งไปดูถูกคนที่ด้อยโอกาสกว่าในสังคม ล่าสุด คุณ โจนูโว ก็ได้ถูกเปิดเผยในโซเชียลมีเดียว่าได้ โพสในอินสตาแกรม ในเวลาที่คนทั้งประเทศยากลำบากในเวลาที่คนทั้งประเทศกลัวจะตายเพราะโควิดในเวลาที่คนยากจนกลัวจะอดตายกลัวจะไม่มีการทำกิน และได้มี ผู้ใช้อินสตาแกรม คนหนึ่งได้โพสไปยังอินสตาแกรมของ คุณโจนูโว ว่า กลัวเหลือเกินว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิส

จะทำให้ทำมาค้าขายไม่ได้มาตรการเยียวยาไม่ทั่วถึงประชาชนเดือดร้อนจะฆ่าตัวตายทั้งหมดด้าน ( คุณโจนูโว ตอบว่า  ตายได้ก็ตายไปเลยเพราะมันเป็นเรื่องตามธรรมชาติเหมือน ทฤษฎี ชาร์สดาร์วิน คนที่ด้อยกว่าก็จะตายไป ) หลังจากนั้นก็ยังมีประชาชนเข้ามาระบายความทุกข์ต่างๆอย่างมากมาย

อยากจะทำมาหากินอยากจะทำมาค้าขาย ( คุณโจนูโวก็ตอบว่า จะไปขายอะไรจะขายตอนนี้มันจะมีคนซื้อมั้ย ไอสันดานคนไทยมันไม่ได้เรื่อง ไปเที่ยวก็ไม่กักตัว ไปดูมวยดื่มเหล้าแก้วเดียวกันไม่มีวินัย จนทำให้ต้องบานปลาย สันดานดีๆแบบนี้ทำเอาคนชั่วกันเป็นแถว ) หลังจากนั้นก็พูดต่อว่า ทุกจุดบนโลกธรรมชาติคัดสรรใครควรอยู่ใครควรตายต้องคิดกันเองว่าใครควรอยู่ใครควรตาย งดขายเหล้ารวยขึ้นมาทั้งทีตอนนั้นราคาไข่แพงก็บ่นแต่พองดขายเหล้าก็รีบไปกักตุนรีบไปซื้อเหล้าเพราะฉะนั้นก็ตำนิคนไทยแบบที่สังคมนั้นได้มองว่าคุณโจนูโวไล่คนไปตาย หลังจากผู้ที่ใช้อินสตาแกรมบอกว่าหากินฝืดเคืยงจังเลยถ้ารัฐบาลเยียวยาไม่ทั่วถึงนั้นจะต้องได้ฆ่าตัวตายเหมือนกันหมดแน่ๆ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8 ดีไหม

พ่อฆ๋าแม่ต่อหน้าลูกวัย  3 ขวบ

           เมื่อวันที่ 12 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 ช่วงเวลาประมาณ 12:00 นมีชาวบ้านได้มีการแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีผู้ก่อเหตุฆ่ากันตายที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งหลังโรงงานในจังหวัดราชบุรีซึ่งน่าจะมีเดินทางไปถึงก็พบว่ามีผู้เสียชีวิต หนึ่งคงเป็นแค่ผู้หญิงและยังมีคู่บาดเจ็บอีก 1 คนจากการกินยาพิษพบว่าอาการสาหัสอีก 1 คน

จึงได้รีบนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลหลังจากนั้นจึงได้มีการสอบถามเรื่องราวกับผู้ที่เห็นเหตุการณ์โดยเพื่อนบ้านหลายคนได้ให้การตรงกันว่าหญิงชายทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันซึ่งทั้งคู่นั้นมีลูกด้วยกัน 1 คนอายุประมาณ 3 ขวบ

โดยฝ่ายชายชื่อว่านายธนพลและฝ่ายหญิงชื่อว่านางสาวน้องนุชซึ่งทั้งคู่นั้นปกติดูรักใคร่กันดีไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อนแต่ก่อนหน้านี้ประมาณแค่เพียงไม่กี่วันสักประมาณวันที่ 10 เดือนพฤษภาคมเพื่อนบ้านได้เห็นว่าทั้งคู่มีปากเสียงกันโดยได้ยินคร่าวๆว่าทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องที่ฝ่ายหญิงมีการไปโพส Facebook ส่วนตัวระบุสถานะว่าตนเองโสดทำให้ฝ่ายชายรู้สึกไม่พอใจจึงได้เดินมาต่อว่าและมีการทะเลาะกันอย่างรุนแรงเพราะทั้งคู่ยังคงเป็นสามีภรรยา

และยังไม่ได้เลิกลากันฝ่ายชายจึงรู้สึกหวงเพราะฝ่ายหญิงนอกจากระบุสถานะว่าเป็นโสดแล้วยังมีการคุยกับผู้ชายคนอื่นอีกด้วยหลังจากที่มีการทะเลาะกันเกิดขึ้นฝ่ายชายก็เก็บเสื้อผ้าออกจากห้องเช่าพร้อมทั้งนำลูกวัย 3 ขวบออกไปด้วยแต่ผ่านไปแค่เพียงหนึ่งคืนเท่านั้นฝ่ายชายก็กลับมาอยู่กับภรรยาเหมือนเดิมและต่อมาวันที่ 11 เดือนพฤษภาคม

ก็มีการทะเลาะกันอีกครั้งหนึ่งซึ่งเรื่องของการทะเลาะกันก็ยังเป็นเรื่องเดิมโดยครั้งนี้ฝ่ายหญิงได้มีการบอกกับสามีของตนเองว่าได้หมดรักสามีแล้วพร้อมทั้งเธอยังบอกกับเพื่อนบ้านอีกด้วยว่าเธอไม่ได้รักสามีของเธอแล้วซึ่งเพื่อนบ้านคิดว่าเธอน่าจะกำลังอยากจะเลิกกับสามีของตนเองซึ่งหลังจากที่สามีคิดถึงผู้ก่อเหตุได้ยินภรรยาพูด

ดังนั้นก็เกิดการทะเลาะกันอีกครั้งหนึ่งและได้มีการเก็บข้าวของและพาลูกวัย 3 ขวบออกจากบ้านอีกรอบต่อมาวันที่ 12 ช่วงเวลาเที่ยงก็นำลูกกลับมาบ้านเช่าอีกรอบหนึ่งและกลับมาทะเลาะกันอีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นช่วงในเวลาที่เกิดเหตุซึ่งในตอนเกิดเหตุนั้นลูกวัย 3 ขวบก็นั่งอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยโดยหลังจากที่ทั้งคู่มีการทะเลาะกันอย่างรุนแรงฝ่ายผู้ชายได้ใช้มีดแทงภรรยาจนเสียชีวิต

หลังจากนั้นตัวฝ่ายสามีเองก็นำยาพิษที่มีสีเขียวมาดื่มเพื่อหวังที่จะฆ่าตัวตายตามภรรยาของตนเมื่อชาวบ้านได้มาเห็นเหตุการณ์จึงได้มีการแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาที่เกิดเหตุดังกล่าวซึ่งชาวบ้านหลายคนต่างก็บอกว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นและที่สำคัญนายชนะพลไม่น่าที่จะก่อเหตุต่อหน้าลูกเพราะลูกอายุ 3 ขวบแล้วเขาสามารถรับรู้เรื่องราวได้แล้วและภาพที่พ่อฆ่าแม่จะกลายเป็นภาพที่ฝังใจลูก ไปจนโต

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ทางเข้าbk8

สามีคลั่งยาทำร้ายเมียสาหัส  การแจ้งเหตุผลสาเหตุทำร้ายภรรยาคบชู้ 

            ทางสำนักข่าวอรุณอมรินทร์ได้รับการร้องเรียนมาจากผู้ชมข่าวท่านหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องที่น้องสาวของเขาถูกแฟนทำร้ายและจับขังไว้โดยเธอบอกว่า ตัวเธอเองนั้นเป็นพี่สาวผู้หญิงที่ถูกทำร้าย

ซึ่งเธอได้กล่าวกับทางนักข่าวว่าน้องสาวของเธอถูกทำร้ายจนน่วมและถูกจับขังเอาไว้ทำให้นักข่าวต้องลงพื้นที่ไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อไปดูความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อนักข่าวไปถึงก็ได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่าน้องแนนซึ่งเธออยู่ในสภาพที่ร่างกายเขียวช้ำขอบตาบวมปูด โดยน้องแนนได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่ลงพื้นที่ว่าเธอนั้นถูกแฟนหนุ่มที่ชื่อว่านายมาโนชทำร้าย

ซึ่งเหตุการณ์ที่ถูกทำร้ายในครั้งนี้จากนั้นมาจากว่าเธอนั้นได้ขอเลิกกับนายมาโนชโดยนายมาโนชก็เหมือนจะยินยอมให้เธอเลิกด้วยดีเลยบอกให้เธอนั้นไปเก็บข้าวของออกจากบ้านของเขาแต่เมื่อเธอเดินทางไปถึงที่บ้านของนายมาโนช พร้อมกับลูกสาววัย 5 ขวบของเธอเมื่อเธอเปิดประตูห้องเข้าไปนายมาโนชซึ่งเป็นอดีตสามีก็ทำการกระชากหัวของเธอแล้วดึงเข้าไปในห้อง แล้วมีการตบและเตะเธอ รวมถึงเอาเท้าถีบเธอด้วย ซึ่งในขณะที่มีการถีบเธอนั้นรองเท้าของนายมาโนชก็ได้หลุด

ทำให้นายมาโนชหยิบรองเท้าของตนเองและเอามาตบหน้าน้องแนนอีกทั้งนายมาโนชมองเห็นไม้ที่เตรียมเอาไว้อยู่ข้างมือก็เอาไม้มาทุบตีน้องแนน ทั้งตัว ที่นายมาโนชทำร้ายร่างกายแนนจนพอใจแล้วเห็นว่าแนนมีเลือดออกและมีรอยพกช้ำเต็มไปหมดจึงสั่งให้แนนนั่งอยู่ในห้องและบอกให้แนนรอจนกว่าแผลตามตัวจะหายแล้วค่อยกลับบ้าน แต่เมื่อนายมาโนชไม่อยู่บ้านนานจึงได้ทำการหลบหนีแล้วกลับมาที่บ้านของเธอพร้อมกับเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ญาติและคนในครอบครัวของเธอฟังจึงทำให้พี่สาวของเธอได้มาแจ้งข่าวกับสำนักข่าวอรุณอมรินทร์ 

ซึ่งน้องแนน เล่าให้ฟังว่าน้องแนนถูกทำร้ายมาบ่อยครั้ง จนทนไม่ไหวจนต้องขอเลิก ซึ่งน้องแนนเองก็บอกว่าสาเหตุที่แฟนทำร้ายนั้นเนื่องจากว่านายมาโนชเกิดความหัวคิดว่าตนเองจะกลับไปมีชู้กับแฟนเก่าซึ่งเธอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด  ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เธอต้องการที่จะเลิกติดต่อกับนายมาโนชอย่างเด็ดขาดเพราะเธอไม่สามารถทนให้นายมาโนชทำร้ายร่างกายเธอได้อีกต่อไปแล้ว ซึ่งเมื่อนักข่าวเดินทางไปสอบถามแฟนเก่าของน้องแนนก็ได้รับคำตอบว่าตนเองนั้นเลิกกับน้องแนนมานานแล้วและเป็นแค่เพียงเพื่อนกันเท่านั้นนานๆถึงจะไปดูลูกสาวที

ซึ่งนายมาโนชน่าจะคิดไปเองว่าน้องแนนจะนอกใจเลยทำให้น้องแนนถูกนายมาโนชทำร้ายโดยใช้อันเก่าของน้องแนนยืนยันว่าตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรกับน้องนานแล้วจริงๆเพราะตนเองก็มีภรรยาใหม่เรียบร้อยแล้ว และสาเหตุที่ครอบครัวของน้องแนนต้องมาร้องเรียนกับนักข่าวนั้นเนื่องจากว่าเคยมีการแจ้งความที่สถานีตำรวจให้ดำเนินการกับนายมาโนชในข้อหาทำร้ายร่างกายแล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เคยดำเนินการให้สักครั้งจึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยจึงได้ร้องขอให้ทางนักข่าวช่วยประสานงานให้

 

 

สนับสนุนโดย  bk8

หญิงสาวโมโหโหดขับรถมาบ้านแฟนเก่ากระหน่ำยิงเมียใหม่ไม่ยั้ง

    ที่จังหวัดกาญจนบุรีเจ้าหน้าที่ตำรวจสภเมืองกาญจนบุรีได้รับแจ้งเหตุว่ามีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นที่บ้านพักแห่งหนึ่งที่ตำบลปากแพรกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกองกำลังทั้งฝ่ายพิสูจน์หลักฐานและฝ่ายสืบสวนสอบสวนรวมถึงยังติดต่อทางมูลนิธิเดินทางไปยังบ้านพักที่เกิดเหตุดังกล่าว   ซึ่งสถานที่เกิดเหตุนั้นเป็นห้องแถวชั้นเดียวโดยเมื่อไปถึงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เห็นนายจิรวุฒิกำลังยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่หน้าบ้านและยังมีนางรุ่งฤดีซึ่งเป็นเมียของนายจิรายุทธ เซ็งได้รับบาดเจ็บเพราะถูกอาวุธปืนยิ่งโดนที่หน้าแข้งเลือดอาบเต็มไปหมดแล้วเมื่อทางกู้ภัยเดินทางไปถึงก็ได้มีการประสานงานพาผู้บาดเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา

หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าไปภายในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุซึ่งเมื่อเข้าไปถึงก็พบร่องรอยของกระสุนปืนและยังมีร่องรอยของลูกกระสุนปืนเจาะตามผนังกระจกต่างๆเต็มไปหมด

  และยังมีกองเลือดอยู่ในที่เกิดเหตุอีกด้วยนอกจากกระสุนปืนจะมีการเจาะภายในบริเวณบ้านแล้วแถวๆหน้าบ้านที่เป็นที่จอดรถก็มีร่องรอยกระสุนปืนตกอยู่อีกด้วยทางฝ่ายพิสูจน์หลักฐานจึงได้มีการรวบรวมเก็บปลอกกระสุนปืนดังกล่าวเอาไว้ซึ่งทางเจ้าของบ้านก็คือนายจิรวุฒิก็ได้ให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าในขณะที่ตัวเขาและก็มีของเขากำลังที่จะขับรถออกไปซื้อของกินนั้นอยู่ดีๆแฟนเก่าของเขาที่เคยคบหากันเมื่อ 2 ปีที่แล้วแต่ก็เลิกกันมานานแล้วเช่นเดียวกันได้ขับรถเก๋งเข้ามาจอดตรงข้ามกับบ้านพักของเขา

พอจอดรถได้เปิดประตูรถแฟนเก่าก็เดินลงจากรถมาพร้อมกับมีอาวุธปืนอยู่ในมือพอนายจิรวุฒิมองเห็นปืนอยู่ในมือของแฟนเก่าก็รีบบอกเมียของตนเองให้อยู่แต่ในบ้านไม่ต้องออกมาซึ่งในตอนนั้นเองแฟนเก่าของเขาก็ได้มีการยิงปืนเข้าไปในบ้านหลังจากนั้นก็ยิงเดินเข้าไปในบ้าน หลังจากกระหน่ำยิงจนไม่มีกระสุนยิงออกจากปืนแล้วอดีตแฟนเก่าก็กลับขึ้นรถแล้วขับรถหนีไปเลย

ซึ่งจากการสันนิษฐานของนายจิรวุฒิเองคิดว่าน่าจะเกิดจากที่ภรรยาของเขาเคยมีเรื่องทะเลาะกับอดีตแฟนเก่ามาก่อนซึ่งในตอนนั้นมีการแจ้งความดำเนินคดีกันด้วยเพราะมีการโพสต์ด่ากันผ่านทาง facebook และที่สำคัญก่อนหน้าที่แฟนเก่าจะขับรถมายิงเมียของเขานั้นแม่ของแฟนเก่าได้โทรมาหาเขาและมาพูดจาขอร้องให้เขาไปพูดกับเมียของเขาหน่อยว่าให้หยุดด่าทอแฟนเก่า

ของเขาผ่านทาง facebook ให้ต่างคนต่างอยู่ซึ่งตัวนายธีรวุฒิเองก็รับปากว่าจะคุยกับเมียให้แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรทางอดีตแฟนเก่าก็ขับรถมาที่บ้านเราก็มากระหน่ำยิงเมียของเขาจนได้รับบาดเจ็บอย่างที่เห็นซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เก็บหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้วแล้วก็กำลังพยายามติดตามตัวแฟนเก่าของนายจิรวุฒิมาดำเนินคดี

ดาราสาวแพทริเซียกู๊ดทำดีไม่ได้ดี

จากเหตุการณ์ที่ประเทศไทยพบกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งมีการแพร่ระบาดต่อเนื่องทุกจังหวัดยังผลให้หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือขาดแคลน จึงได้มีเหล่าคนดังดาราเซเลบต่างๆ ต่างระดมกำลังกันเพื่อหาวิธีช่วยเหลือพยายามหาหน้ากากอนามัยมาบริจาคให้กับประชาชนที่ไม่สามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยได้

เนื่องจากเมื่อหน้ากากอนามัยขาดแคลนก็มีคนที่หวังหาผลประโยชน์จากความต้องการของประชาชนในครั้งนี้โดยการนำหน้ากากอนามัยมาขายในราคาที่ค่อนข้างสูงจึงทำให้หลายคนไม่มีเงินที่จะซื้อหน้ากากอนามัยใช้จากเหตุการณ์ในครั้งนี้นางเอกสาวแพทริเซียกู๊ดได้แสดงความมีน้ำใจให้กับประชาชนคนไทยด้วยการจัดสรรหน้ากากอนามัยเพื่อนำมาบริจาคให้กับประชาชนเป็นจำนวนถึง 2,500 ชิ้นซึ่งเธอได้มีการโพสต์ลงใน Instagram ส่วนตัวของเธอว่าจะนำไปบริจาคให้กับเพื่อนๆคนไทยด้วยกันแต่เมื่อมีคนเห็นข้อความของเธอใน Instagram บางส่วนต่าง

เข้ามาโพสต์สอบถามถึงเรื่องหน้ากากอนามัยที่เธอจะนำมาบริจาคนั้นเธอไปหามาจากไหนหลายคนบอกว่าตอนนี้หน้ากากอนามัยเป็นที่ต้องการของทุกคนซึ่งหาซื้อได้ยากแต่ทำไมดาราสาวถึงสามารถหามาได้ในปริมาณที่สูง

    ซึ่งจากคำถามในครั้งนี้ทำให้เราเห็นได้ว่าหลายคนยังมีอคติกับดาราสาวแพทริเซียกู๊ดจากเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เธอได้ทำการเลิกกับแฟนหนุ่มแล้วมาคบซ้อนกับไฮโซหนุ่มอีกคนหนึ่งเพราะการที่ดารานำของมาบริจาค อย่างเช่น หน้ากากอนามัยที่กำลังขาดแคลนนั้นไม่ใช่ว่ามีแค่ แพทริเซียกู๊ด คนเดียวเท่านั้นอย่างล่าสุดดาราสามีภรรยาคุณ พุทกับคุณ จุ๋ย ก็นำหน้ากากอนามัยมาบริจาคให้กับประชาชน 2,500 เช่นเดียวกัน

แต่ไม่มีใครถามคำถามว่าเอาหน้ากากนี้มาจากไหนกับสองสามีภรรยาคู่นั้นแต่กลับมาตั้งคำถามกับแพทริเซียกู๊ดคนเดียวซึ่งทำให้เห็นว่าประชาชนบางคนก็ยังมีจิตใจคับแคบชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจดาราสาวให้พิเศษเป็นอย่างมากที่ตั้งใจจะทำความดีแต่กลับมีคนบางกลุ่มพี่มองแต่เรื่องหลายๆแล้วยังหาเรื่องทำให้ดาราบางคนที่เคยมีอดีตที่ไม่ดีแล้วอยากกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีเกิดความรู้สึกท้อแท้ได้เช่นกันถ้าหากเป็นเราตั้งใจที่จะทำความดีแล้วคนกลับมองไม่เห็นความดีแต่กลับออกมาต่อว่าให้เราเสียหายเสียความรู้สึกเราคงต้องไม่อยากทำความดีเช่นเดียวกัน 

      ปัจจุบันหน้ากากอนามัยยังคงเป็นที่ต้องการของประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมากถึงแม้ว่ารัฐบาลจะออกมาว่าจะมีการผลิตหน้ากากอนามัยมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อนำมาจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาที่ถูกแต่ในทุกวันนี้เราก็แทบไม่เห็นหน้ากากอนามัยในราคาถูกขายให้กับประชาชนเลยดังนั้นการที่มีดาราใจบุญนำหน้ากากอนามัยมาแจกจ่ายนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีซึ่งเราไม่ควรไปต่อว่าพวกเขาเหล่านั้น

โจรแสบ ย่องขโมยของได้ไปถึง 6 ล้านบาท 

คฤหาสน์หรูโดนยกเค้าโจรแสบ ย่องขโมยของได้ไปถึง 6 ล้านบาท 

    ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานว่ามีหมู่บ้านหลังหนึ่งในโครงการแห่งหนึ่งถูกโจรขึ้นไปขโมยทรัพย์สินและได้ของมีค่าไปมากมายรวมของที่หายไปเป็นมูลค่าถึง 6 ล้านบาทเลยทีเดียวโดยโครงการหมู่บ้านที่พบปัญหาโจรขึ้นบ้านนั้นเป็นหมู่บ้านอยู่แถวถนนพระราม 5 จังหวัดนนทบุรีซึ่งเหตุเกิดช่วงประมาณสามทุ่ม

เนื่องจากวันนั้นทุกคนในบ้านออกไปทำธุระกันหมดไม่มีใครอยู่บ้านเลยแล้วก็พากันกลับมาถึงบ้านช่วงประมาณตอนเที่ยงคืนเดินมากลับมาถึงบ้านกันทุกคนรับรู้ถึงความผิดปกติของตัวบ้านเนื่องจากเมื่อเข้ามาในบริเวณบ้านพบว่าบ้านเปิดประตูทิ้งไว้ซึ่งเมื่อเดินดูรอบๆบริเวณบ้านก็พบร่องรอยการงัดแงะและเมื่อเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินมีค่าของแต่ละคนก็พบว่ามีข้าวของเสียหายไปเป็นจำนวนมากและยังมีสินค้าที่มีราคาแพงสูญหายไปเช่นกระเป๋านาฬิกาเครื่องประดับ

โดยรวมแล้วมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 6 ล้านบาททางเจ้าของบ้านแจ้งว่าคนร้ายน่าจะทราบการเคลื่อนไหวของทุกคนภายในบ้านเป็นอย่างดีเพราะตั้งใจที่จะเข้ามาขโมยของตอนที่ไม่มีใครอยู่ที่บ้านดังนั้นแสดงว่าคนร้ายต้องรู้การเคลื่อนไหวของคนในบ้านว่าใครจะเข้าจะออกในช่วงเวลาไหนบ้างแต่ที่สำคัญคนร้ายย่อมจะมีความรู้ว่าของมีค่าอยู่ตรงจุดไหนก็สามารถไปค้นหาของมีค่าเจอว่ามีการซุกซ่อนเอาไว้ตรงไหนภายในบ้านที่สำคัญ

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบว่าโจรที่เข้ามาขโมยของนั้นทราบจุดซ่อนกล้องวงจรปิดทุกจุดโดยมีการตัดสัญญาณกล้องวงจรปิดก่อนที่มีการขโมยของแต่ที่สำคัญจนยังได้ขโมยกล้องบันทึกภาพกล้องวงจรปิดออกไปด้วยซึ่งถ้าหากไม่ใช่คนที่รู้ข้อมูลภายในบ้านดีแล้วจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าบ้านหลังนี้มีการวางกล้องวงจรปิดไว้ตรงจุดไหนบ้างแล้วกล่องบันทึกภาพของกล้องวงจรปิดอยู่ที่ไหนดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องสอบปากคำคนในบ้านด้วยเช่นเดียวกันซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพยายามเก็บรวบรวมหลักฐานจากทั้งในบ้านและนอกบ้านโดยมีกล้องวงจรปิดหน้าบริเวณบ้านซึ่งเป็นกล้องของเพื่อนบ้านได้ถ่ายภาพคนร้ายเอาไว้ได้ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ 

     จากสถานการณ์คนร้ายตีขโมยของภายในบ้านพักซึ่งเป็นบ้านหรูมี รปภ. คอยดูแลแต่ก็ยังมีคนสามารถขโมยของไปได้นั้นทำให้เราสามารถสงสัยได้ว่าอาจจะมีคนในบ้านที่คอยให้ข้อมูลกับคนร้ายว่าใคร ออกไปไหนบ้างแล้วเพื่อที่จะให้คนร้ายเข้ามาขโมยของก็ไม่เช่นนั้นคนร้ายจะไม่รู้รายละเอียดภายในบ้านได้มากมายขนาดนี้และยังต้องผ่าน รปภ. ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยของคนที่จะเข้ามาในหมู่บ้าน เรื่องนี้คงต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงฝีมือจับคนร้ายมาลงโทษให้ได้และสืบทราบให้ได้ว่าใครเป็นตัวการในการก่อเหตุขโมยขึ้นบ้านในครั้งนี้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  แทงบอลออนไลน์2020

เหยื่อรวมตัวกันแจ้งจับชินแสปลอม

เหยื่อรวมตัวกันแจ้งจับชินแสปลอมหลอกให้ออกรถแล้วเชิดรถหนีไป

       มีรายงานข่าวเข้ามาว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สอ.หนองปรือจังหวัดชลบุรีได้รับแจ้งความจากผู้เสียหายหลายรายที่เดินทางมาแจ้งความพร้อมกันในวันเดียวเกี่ยวกับกรณีที่ถูกนายจีรวัฒน์อายุ 50 ปีหลอกลวงให้ไปออกรถทั้งจักรยานยนต์และรถยนต์ป้ายแดงหลังจากนั้นก็ทำทีออกอุบายขอเอารถไปใช้โดยบอกว่าจะผ่อนจ่ายค่างวดรถและหลังจากที่นายจีรวัฒน์นำรถไปแล้วก็ไม่สามารถติดต่อนายจีรวัฒน์ได้เลยซึ่งจากการที่นักข่าวได้สอบถามผู้เสียหายจำนวนห้ารายที่มารวมตัวกันแจ้งความในวันนี้นั้นทุกคนต่างให้ข้อมูลตรงกันหมดว่าแต่ละคนจะมีธุรกิจหรือกิจการเป็นของตนเอง

และในช่วงนี้ธุรกิจก็ค่อนข้างมีปัญหาซบเซาซึ่งนายจีรวัฒน์จะทำทีเข้ามาเป็นลูกค้าเพื่อตีสนิทก่อนหลังจากนั้นก็ได้ออกอุบายบอกว่าตนเองนั้นเป็นซินแสสามารถดูดวงและช่วยแก้เคล็ดให้ได้

ซึ่งผู้เสียหายแต่ละคนก็ได้เชื่อตามที่นายจิรวัฒน์กล่าวอ้างโดยทำการแก้เคล็ดอย่างทางที่นายจิรวัฒน์ให้ทำหลังจากนั้นก็ทำให้รู้จักสนิทสนมกันอยู่ช่วงหนึ่งแล้วน่าจะร้อนก็เริ่มออกอุบายให้ผู้เสียหายไปทำการออกรถป้ายแดงซึ่งบางคนก็ได้ออกรถจักรยานยนต์แต่บางคนก็จะได้ออกรถยนต์โดยหลังจากที่ผู้เสียหายออกรถได้ประมาณสักสองถึงสามเดือนแล้วนายจีรวัฒน์ก็จะทำทีมาขอยืมรถไปใช้โดยอ้างว่าตัวเองไม่มีรถใช้งานโดยนายจีรวัฒน์จะบอกกับผู้เสียหายว่าจะเป็นคนจ่ายค่าผ่อนงวดรถให้เอง

โดยทางผู้เสียหายหลายหลายหลงเชื่อและให้รถให้หน่อยเจ้รถไปใช้งานซึ่งหลังจากนายจีรวัฒน์ได้รถไปแล้วก็ไม่ยอมจ่ายค่าผ่อนงวดรถ จนผู้เสียหายได้รับการทวงให้ไปจ่ายค่าผ่อนงวดรถจึงทำให้รู้ว่าตั้งแต่นายจีรวัฒน์นำรถไปก็ไม่เคยจ่ายค่าผ่อนงวดรถเลยและเมื่อทางผู้เสียหายโทรไปหานายจิรวัฒน์ก็ไม่สามารถติดต่อได้จึงทำให้ผู้เสียหายคาดเดาเอาว่าน่าจะถูกหลอกและนายจิรวัฒน์คงนำรถหนีไปเรียบร้อยแล้ว

จึงได้เดินทางมาแจ้งความที่สถานีตำรวจจึงทำให้รู้ว่ามีผู้เสียหายหลายรายที่ถูกนายจิรวัฒน์หลอกลวงให้ออกรถยนต์แล้วนำรถหนีหายไปซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวนายจีรวัฒน์เพื่อนำตัวมามาดำเนินคดีซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะผู้เสียหายหลงเชื่อคนง่ายจนเกินไปและไม่คิดอะไรให้รอบคอบก่อนที่จะมีการให้ทรัพย์สินคนอื่นไปใช้งานจึงทำให้ถูกมิจฉาชีพมาทำการตีสนิทแล้วหลอกเอาทรัพย์สินของตนเองไปได้แบบนี้ 

 

สนับสนุนโดย  entaplay