เด็กหญิงม. 6 ตายปริศนาบ้านเพื่อนชาย 

          จากกรณีข่าวที่มีเด็กนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้ไปงานเลี้ยงปาร์ตี้กับเพื่อนชายช่วงเวลา 22:00 น ของวันที่ 16 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 และเช้าขึ้นมาพบว่าเสียชีวิตนั้นเหตุเกิดที่จังหวัดกาญจนบุรีซึ่งขณะนี้ทางด้านทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและนำศพไปทำการตรวจหาความผิดปกติ

และหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นนั้นพบว่าเด็กนักเรียนหญิงวัย 18 ปีที่เสียชีวิตนั้นเธอไปนอนเสียชีวิตที่โซฟาบ้านของเพื่อนชายของเธอแต่จริงๆแล้วบ้านที่จัดงานปาร์ตี้นั้นจะอยู่ห่างจากบ้านที่พบศพประมาณเกือบ 2 กิโลเมตรเลยทีเดียวโดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเชิญตัวเด็กชายที่เป็นเจ้าของบ้านที่จัดงานปาร์ตี้และเพื่อนชายคนสนิท

ที่เป็นคนไปรับเด็กนักเรียนชั้นม 6 ออกมาจากบ้านเพื่อไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจซึ่งเบื้องต้นนั้นเด็กทั้ง 2 คนยังคงให้การปฏิเสธอย่างไรก็ตามมีเพื่อนของเด็กหญิงที่เสียชีวิตได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่าในวันเกิดเหตุนั้นเด็กหญิงที่เสียชีวิตได้มีการโทรมาชวนพวกเธอให้ไปร่วมงานปาร์ตี้ด้วยเช่นเดียวกันแต่เนื่องจากว่าพวกเธอนั้นติดธุระจึงได้ปฏิเสธไป

ซึ่งพวกเธอยังบอกอีกว่าถ้าหากเธอไปร่วมงานด้วยเธออาจจะมีจุดจบเหมือนกับเด็กนักเรียนชั้นม 6 ที่เสียชีวิตไปก็เป็นได้เพราะคิดว่าเพื่อนของเธอนั้นไม่น่าจะเสียชีวิตเองแต่น่าจะเกิดจากการถูกวางยาและแน่นอนว่าถ้าหากพวกเธอไปพวกเธอก็อาจจะถูกวางยาด้วยเช่นเดียวกันอย่างไรก็ตามเด็กเอาทั้ง 2 คนได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมด้วยว่าเพื่อนชายที่เป็นคนมารับเด็กนักเรียนชั้นม 6 ไปเที่ยวงานปาร์ตี้นั้นยังไม่ได้นับว่าเป็นแฟนของเด็กหญิงชั้นม 6 เพียงแค่กำลังเริ่มต้นพูดเพียงเท่านั้น 

          สำหรับเรื่องนี้ทางด้านผู้ปกครองของเด็กผู้เสียชีวิตนั้นก็รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสืบสวนคดีแต่เนื่องจากว่าครอบครัวนั้นมีฐานะยากจนอาจจะไม่สามารถเก็บศพของเด็กหญิงไว้ได้ซึ่งอาจจะต้องมีการเผาศพของเด็กหญิงผู้เสียชีวิตไปก่อนแต่อย่างไร

ก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานต่างๆเพื่อให้ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้ให้ได้ว่าเป็นการถูกวางยาจนเสียชีวิตหรือเกิดจากสภาวะร่างกายมีอาการป่วยแล้วทำให้เกิดเสียชีวิตขึ้นเองซึ่งต้องรอผลจากการตรวจร่างกายของศพที่ส่งไปตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะนำมาเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับเจ้าของบ้านที่จัดงานปาร์ตี้ 

   เรื่องนี้ก็ต้องโทษพ่อแม่ของเด็กที่ไม่ยอมติดตามไปดูลูกสาวเมื่อเห็นว่าลูกสาวของตัวเองกลับบ้านดึก รอจนเช้าถึงรู้เรื่องเพราะหากพ่อแม่ เช็คลูกสักนิดว่าไปกินเลี้ยงที่ไหน แล้วเห็นว่าดึกก็ไปรับลูกกลับบ้านด้วยตนเองก็คงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์ อันดับ1

รักษาการนายกเทศบาลจังหวัดสิงห์บุรี

รักษาการนายกเทศบาลจังหวัดสิงห์บุรีกินเหล้าในเวลาราชการแถมยังเป็นที่ทำงานอีกด้วย 

                 เมื่อวันที่ 18 เดือนมิถุนายนปีพศ 2563   ทางสำนักข่าวของช่อง 3 ได้รับคลิปวีดีโอมาจากบุคคลที่ไม่ประสงค์ออกนามส่งตรงมาให้นักข่าวของช่อง 3โดยเฉพาะเพื่อให้เปิดโปงพฤติกรรม  ของปลัดเทศบาลซึ่งในขณะนี้ได้มาทำงานอยู่ที่เทศบาลเมืองจังหวัดสิงห์บุรีเนื่องจากว่าต้องมาทำงานรักษาการแทนนายกเทศบาลของจังหวัดสิงห์บุรีอย่างไรก็ตามชาวบ้านในจังหวัดสิงห์บุรีได้มีการส่งคลิปดังกล่าวมาให้กับนักข่าวช่อง 3 เพื่อที่จะให้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับเรื่องพฤติกรรมปลัดหนุ่มคนดังกล่าว

เนื่องจากว่าชาวบ้านเห็นว่าเมื่อต้องไปติดต่องานราชการที่อำเภอมักจะพบเห็นปลัดคนดังกล่าวนั้นดื่มกินสุราภายในที่ทำงานอยู่เป็นประจำและที่สำคัญยังมีการจ้างสาวเชียร์เบียร์มาคอยชงเหล้าให้อีกด้วยซึ่งในคลิปจะมีการแอบถ่ายโดยจะมีขวดเหล้าขวดโซดาและกระติกน้ำแข็งวางอยู่พร้อมทั้งยังมีหญิงสาวคอยยิงชงเหล้าให้อีกด้วย

และนอกจากจะมีคลิปกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหน่วยงานราชการแล้วชาวบ้านยังเกรงว่าปลัดคนนี้เป็นผู้มีอิทธิพลในเขตพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีหากว่ามีการส่งเรื่องไปฟ้องร้องที่นายอำเภอก็อาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะอาจจะมีการช่วยเหลือกันจึงอยากจะให้นักข่าวนั้นช่วยเปิดโปงคลิปดังกล่าวให้กับประชาชนทั้งประเทศได้รับรู้ถึงพฤติกรรมของปลัดอำเภอคนดังกล่าวอย่างไร

ก็ตามเมื่อมีการนำเสนอข่าวไปเรียบร้อยแล้วนั้นทางนักข่าวเองก็ได้มีการติดต่อกับผู้ว่าราชการจังหวัดของจังหวัดสิงห์บุรีเพื่อที่จะสอบถามถึงที่มาที่ไปเกี่ยวกับเรื่องของคลิปวิดีโอดังกล่าวโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นได้มีการแจ้งกับนักข่าวว่าอยู่ระหว่างการประสานงานกับนายอำเภอให้ไปตรวจสอบคลิปวีดีโอ

ดังกล่าวซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบนั้นจะต้องเป็นขั้นตอนที่ทางหน่วยงานราชการส่งตรวจสอบกันแต่เบื้องต้นนั้นยังไม่พบว่าในอำเภอมีการส่งร้องเรียนปลัดอำเภอคนดังกล่าวเข้ามาซึ่งถ้ามีการส่งเรื่องเข้ามาเมื่อไหร่ผู้ว่าราชการจังหวัดก็จะมีการตรวจสอบให้อย่างเร่งด่วนโดยทันที

            สำหรับคลิปนี้เราก็เห็นกันอยู่ชัดเจนอยู่แล้วว่ามีทั้งผู้หญิงคอยชงเหล้าให้และมีทั้งภาคที่มีการนั่งดื่มกินซึ่งจริงๆแล้วเมื่อคลิปนี้เผยแพร่ออกมาขั้นตอนการตรวจสอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดควรจะมีการตรวจสอบทันทีไม่ควรจะรอให้มีการส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามาด้วยซ้ำแสดงว่าปลัดอำเภอ คนนี้ก็น่าจะมีอิทธิพลพอสมควรเพราะไม่เช่นนั้นแล้ว

เมื่อมีเรื่องอื้อฉาวแบบนี้เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดไม่น่าจะนิ่งนอนใจและปล่อยให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ขนาดนี้นั่นเอง ไม่แน่ว่าผู้ว่าราชการจังหวัดคงจะรู้อยู่แล้วเพียงแต่ไม่ยอมทำอะไร จนชาวบ้านทนไม่ไหวจึงต้องส่งคลิปมาให้นักข่าวช่วยทำข่าว

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน จ่ายจริง

ชายหนุ่มยิงตัวตายเพราะอ้างว่าถูกใส่ร้ายว่าข่มขืนเด็กและสู้คดีแล้วแพ้

               มีเรื่องราวน่าเศร้ากำลังแชร์กันอยู่ในโลกออนไลน์เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งที่มีการโพสต์ Facebook ส่วนตัวบอกเล่าเรื่องราวของตนเองที่กำลังต่อสู้เกี่ยวกับคดีความในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กโดย Facebook ดังกล่าวนั้นมีการเขียนไว้เมื่อวันที่ 18 เดือนมิถุนายนปีพศ2563

สำหรับข้อความใน Facebook ของชายคนดังกล่าวนั้นเป็นการพูดถึงคดีความที่เขากำลังต่อสู้อยู่ในชั้นศาลโดยระบุว่าศาลเชื่อคำพูดของเด็กโดยที่ไม่ยอมตรวจหาหลักฐานเสียก่อนจนในที่สุดก็ทำให้เขานั้นแพ้และถูกตราหน้าว่าข่มขืนเด็กดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องใช้ความตายของเธอเท่านั้นพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองว่าเขานั้น

ไม่ได้ข่มขืนเด็กหญิงคนดังกล่าวพร้อมทั้งในรายการข้อความที่เขาเขียนลง Facebook นั้นก็มีการระบุไทม์ไลน์ ชัดเจนตั้งแต่เขาเริ่มเจอเด็กหญิงได้อย่างไรและสุดท้ายนั้นโดนเด็กหญิงแจ้งความดำเนินคดีได้อย่างไร  อย่างไรก็ตามข้อความที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวเขียนนั้นระบุว่าเขาเริ่มถูกดำเนินคดีตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 เดือนตุลาคมปีพ. ศ. 2562 นั่น

คือจุดเริ่มต้นของการถูกดำเนินคดีจนถึงตอนนี้พอดีถูกสิ้นสุดเพราะส่งเรื่องถึงศาลแล้วและศาลก็เชื่อคำให้การของเด็กหญิงโดยเขาบอกว่าตัวเขาเองนั้นรู้จักกับเด็กหญิงในวันเกิดเหตุดังกล่าวนั้นเด็กหญิงได้โทรศัพท์มาหาเขาเพราะบอกว่าจะหนีออกจากบ้านไปอยู่กับแม่เนื่องจากว่าถูกพ่อและยายทำร้ายโดยพ่อขนาดนั้นเมายาบ้าจึงได้ลงมือทำร้ายและบีบคอทำให้เธอกลัวอยากจะไปอาศัยอยู่กับแม่ที่อยู่จังหวัดปราจีนบุรี

โดยให้เขามารับในช่วงเวลาตอนเย็นแต่เนื่องจากว่าในขณะนั้นเขากำลังเตรียมจัดงานวันเกิดให้กับหลานสาวอีกคนหนึ่งจึงได้ไปรับช้าและเมื่อเข้าไปถึงเขาก็เห็นว่าเด็กสาวคนดังกล่าวนั้นกำลังอยู่กับแฟนของตนเองอย่างไรก็ตามเขาได้รับเด็กสาวขึ้นรถมาเพื่อจะไปส่งที่จังหวัดปราจีนบุรีระหว่างทางเธอยังเล่าให้ฟังว่าแฟนหนุ่มนั้นชวนให้เธอไปนอนที่บ้านด้วย

แต่เธอไม่กล้าไปและระหว่างที่ขับรถไปด้วยกันนั้นเด็กสาวก็เกิดอาการชักเขาจึงได้ทำการปฐมพยาบาลช่วยเหลือ หลังจากช่วยเหลือเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็มีการติดต่อกับแม่ของเด็กหญิงให้มารับตัวเด็กหญิงที่สถานีตำรวจประจันตคามแต่แม่ของเด็กหญิงนั้นกับไม่ยอมมาปล่อยให้เขารออยู่ที่สถานีตำรวจนั้นเกือบ 15 นาที

แล้วค่อยโทรมาบอกให้เขานั้นพาไปส่งที่ท่าประชุมเลยแม่ของเด็กหญิงบอกว่าจะรออยู่ตรงหน้าวัดและเมื่อไปถึงก็ต้องนั่งรอแม่ของเด็กถึง 45 นาทีกว่าแม่จะเด็กเดินทางมารับลูกหลังจากนั้นตัวเขาเองและแม่ของเด็กหญิงก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นประมาณ 25 นาทีแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันแต่หลังจากแยกย้ายกันไปแล้วไม่นานกลับพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นตามจับกุมเขาในข้อหาข่มขืนเด็กทั้งๆที่ไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่เขาข่มขืนเด็กเพราะเพียงไปช่วยเด็กผู้หญิงคนดังกล่าวนั้นเท่านั้น

และแม่ของเด็กรวมถึงตัวเด็กเองก็ให้การใส่ร้ายเขาทั้งหมดไม่ยอมพูดความจริงที่สำคัญหลักฐานร่องรอยการข่มขืนนั้นมีร่องรอยการศึกษาอวัยวะเพศแค่เพียง 2 เส้นเท่านั้นโดยเขายืนยันว่าอวัยวะเพศของเขานั้นไปทำมาดังนั้นจะต้องใหญ่มากกว่านั้นอย่างแน่นอนแต่อย่างไรก็ตามเมื่อศาลนั้นไม่ยอมตรวจสอบหลักฐานเพียงเพราะต้องการเชื่อคำพูดของเด็กทำให้เขานั้นเป็นผู้กระทำความผิดเขาจึงต้องการล้างความผิดของตนเองด้วยความตาย

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน สล็อต

วิถีการใช้ชีวิตแบบ New Normal ของประเทศพม่า

        ในตอนนี้เรามักจะได้ยินคำว่า New Normal ทุกที่ที่เรามีการผ่านไปนั่นก็คือการใช้ชีวิตเหมือนเดิมแต่ในรูปแบบใหม่นั่นเองซึ่งการที่เราต้องใช้ชีวิตแบบ New Normal นั่นก็เพราะว่า ชีวิตของคนเรายังต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับการระบาดของไวรัส covid นั่นเอง ทำให้แต่ละคนมันก็ต้องมีการ พลิกแพลงการใช้ชีวิตของตนเองให้ห่างไกลจากคำว่าการที่จะติดเชื้อไวรัสโควิดได้แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนกำลังทำอยู่ในขณะนี้ทุกทีการใช้ชีวิตแบบ Social distancing ซึ่งเป็นการเว้นระยะห่างกันไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน  ที่บ้าน  สวนสาธารณะหรือแม้แต่เวลาที่เราไปช้อปปิ้งก็ตาม

แต่เราจำเป็นต้องมีระยะห่างระหว่างกันเช่นเวลาที่เราแล้วไปกินอาหารที่ร้านอาหารเรามักจะเห็นว่าร้านอาหารแต่ละร้านในปัจจุบันนั้นจะต้องมีการทำฉากกั้นขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้านั้น ไม่นั่งติดกันจนเกินไป แน่นอนเรามักจะเคยเห็นว่าขนาดเพื่อนที่ไปด้วยกันก็ยังต้องนั่งกันคนละมุมคนละโต๊ะว่าต้องใช้วิถีชีวิตแบบ Social และ sensing นั่นเอง

ไหนก็ตามไม่ใช่ประเทศไทยเท่านั้นที่ใช้ชีวิตแบบนี้ทุกๆประเทศก็ต้องใช้ชีวิตแบบนี้เช่นเดียวกัน เพราะเป็นการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน  ประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างประเทศพม่านั้นก็ได้มีการออกมาทำรถเมล์ซึ่งเป็นการจัดการตกแต่งรถเมล์ได้ตรงกับ สถานการณ์ปัจจุบันทีเดียว มันจะบอกว่ารถเมล์ที่ประเทศเมียนมาร์นั้นได้มีการออกแบบออกมาใหม่

โดยเขาจะมีการกำหนดเป็นห้องเหมือนกับห้องในรถไฟเลยทีเดียวซึ่งบนรถเมล์นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งและในระหว่างนั้นก็จะมีฉากกั้นเอาไว้ทำเป็นประตูซึ่งในแต่ละช่องนั้นก็จะมีเก้าอี้ไว้ 2 ตัวซึ่งเก้าอี้นั้นก็จะนั่งหันหน้าชนกันดังนั้นผู้ที่มาใช้บริการรถเมล์ก็จะได้เว้นระยะห่างระหว่างกันอย่างแท้จริงไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งเก้าอี้เว้นเก้าอี้เพราะมีประตูกั้นให้เลย

ซึ่งหากเรามองดูแล้วการพัฒนารถเมล์ของประเทศพม่านั้นถือว่าเป็นการกระทำที่สุดยอดเลยทีเดียวเพราะทำให้เราได้รู้ว่านี่คือการใช้ชีวิตในแบบวิถีชีวิตแบบใหม่แล้วเราไม่สามารถที่จะนั่งปะปนรวมกันได้อีกต่อไปเป็นความเสี่ยงมากที่อาจจะติดเชื้อไวรัสโคโรนาและมีการแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่าให้กับคนอื่นได้อย่างนั้นต่อไปนี้การใช้ชีวิตของแต่ละคนนั้นก็จะต้องมีการใช้ชีวิตโดยยึดหลับ New Normal ซึ่งถือว่าเป็นสังคมแบบเดิมแต่เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตใหม่นั่นเอง ซึ่งหลายคนที่ได้เห็รถเมลล์ของทางพม่านี้ต่างก็อยากให้มีการนำทำแบบนี้ที่ประเทศไทยบ้าง

 

ได้รับการสนับบสนุนโดย  dewabet

ประกาศหยุดแชร์รูปที่ระบุว่าเป็นย่าโม

ประกาศหยุดแชร์รูปที่ระบุว่าเป็นย่าโม เพราะว่าไม่ใช่รูปนั้นคือ ท้าววรจันทร์ 

      เมื่อประมาณ วันที่ 3 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ.2563  ได้มีผู้ใช้ Facebookคนหนึ่งได้มีการทดภาพลงบน Facebook  ส่วนตัวพร้อมทั้งมีการโพสต์รูปผู้หญิงสูงอายุแต่งชุดคล้ายคนโบราณและมีการกำกับใต้ภาพดังกล่าวว่าเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์อีกทั้งยังบอกว่าเป็นบุญที่ได้เห็นโดยระบุว่ารูปหญิงโบราณคนนั้นคือลูกของย่าโมตัวจริงสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่

ซึ่งมีหลายคนที่หลงเชื่อและมีการแชร์ภาพหญิงในภาพที่อ้างว่าเป็นรูปของย่าโมกันเป็นจำนวนมากจนเป็นประเด็นและกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ทั้งนี้หลังจากที่วันที่ 5 มิถุนายนปีพศ2563 ได้มี Facebook ของทางโบราณมาได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับรูปภาพดังกล่าวว่าได้มีการตรวจสอบข้อมูลมาแล้วรูปภาพที่กำลังมีการแชร์ด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นรูปภาพของย่าโมนั้นแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ลูกของย่าโม

ซึ่งบุคคลในรูปภาพนั้นมีอยู่จริงแต่บุคคลในรูปภาพนั้นคือท้าววรจันทร์โดยมีการนำรูปของท้าววรจันทร์ที่ถ่ายอีกรูปหนึ่งเอามาเปรียบเทียบให้ดูและยังได้มีการระบุลงในเพจ Facebook ของตนเองด้วยว่าขอให้ทุกคนที่กำลังจะแชร์รูปของย่าโมที่เป็นรูปตอนนี้โดยของดให้มีการหยุดแชร์และยังมีการอธิบายเพิ่มเติมด้วยว่าในสมัยโบราณนั้น

ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จักกล้องกันมากนักดังนั้นคนมักจะไม่ถ่ายรูปเพราะมีความรู้สึกกลัวเกี่ยวกับการถ่ายรูปและกล้องที่เอามาถ่ายในครั้งแรกถูกนำมาถ่ายด้วยบาทหลวงชาวฝรั่งเศสนิกายคาทอลิกนั่นก็คือพระสังฆราชปาเลอกัวโดยมีการนำกล้องมาถ่ายรูปครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งตรงกับพุทธศักราช 2388

แต่ว่าข้อมูลของย่าโมหรือท้าวสุรนารีที่เป็นบุคคลทางประวัติศาสตร์สำคัญของจังหวัดนครราชสีมานั้นท่านเกิดในสมัยกรุงธนบุรีซึ่งปีพศ. เกิดของท่านนั้นคือผช 2314 ดังนั้นจึงยังเป็นช่วงที่กล้องถ่ายรูปยังไม่มีการเข้ามาในประเทศไทยอย่างแน่นอนและที่สำคัญท้าวสุรนารีนั้นได้เสียชีวิตลงช่วงประมาณปีพศ 2395

ซึ่งถ้าหากดูจากประวัติกล้องถ่ายรูปที่เข้ามาแล้วพึ่งเข้ามาได้ไม่นานแน่นอนว่าหญิงไทยสมัยโบราณนั้นจะยังไม่มีการนิยมการถ่าย เพราะคนสมัยโบราณมักมีความกลัวว่าหากถ่ายรูปไปแล้วอายุจะไม่ยืนดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปหรือแม้แต่การวาดรูปจะไม่ค่อยมีคนนิยมกันมากนักเพราะกลัวจะอายุสั้นและกลัวว่าหากมีการถ่ายรูปไปแล้วจะมีคนนำรูปถ่ายนั้น

ไปทำคุณไสยซึ่งถึงแม้ว่ากล้องถ่ายรูปจะเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 3 แต่คนที่ถ่ายรูปคนแรกของประเทศไทยนั้นคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 หลังจากนั้นกล้องถ่ายรูปจึงเป็นที่นิยมสำหรับหมู่บุคคลชั้นสูงเรื่อยมา

 

สนับสนุนโดย  bk8

เจอหลักฐานใหม่คดีฆาตกรรมน้องชมพู่ เณรแอร์ชี้เหรียญมีรูใช้สะกดวิญญาณ

        เชื่อว่าหลายคน คงยังไม่ลืมคดีของน้องชมพู่เด็กหญิงวัย 3 ขวบที่ถูกฆาตกรรมบนภูเขาหลังบ้าน ซึ่งนี่ก็ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วแต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าอีกเลยด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็พยายามสืบหาหลักฐานเพิ่มเติมโดยมีการส่งทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นมาบนภูเขาเพื่อหาหลักฐานต่างๆแต่ก็ยังไม่พบหลักฐานอะไรรวมถึงก่อนหน้านั้นก็มีการออกมาพูดถึงหมอดู

ซึ่งชื่อว่าหมอทำเป็นหมอดูประจำหมู่บ้านและยังมีพระสงฆ์จากหมู่บ้านต่างถิ่นให้ข้อมูลว่าหลักฐานที่เป็นเสื้อของน้องชมพู่ที่หายไปนั้นยังคงอยู่บนภูเขาโดยทั้งคนร้ายนำไปซ่อนไว้แต่ก็ยังไม่มีใครที่จะสามารถหาเสื้อดังกล่าวนั้นได้เจอทางด้านสำนักข่าวแห่งหนึ่งของช่องอรุณอมรินทร์เองก็พยายามสืบค้นหาร่องรอยนี้ได้เช่นเดียวกันโดยมีการส่งนักข่าวมาทำข่าวที่หมู่บ้านนี้

ทุกวันซึ่งเราจะเห็นข่าวว่านักข่าวนั้นจะมีการขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับทางเจ้าหน้าที่เพื่อไปตามหาถ้ำที่ทางหมอดูได้มีการบอกเอาไว้ว่าคนร้ายได้นำเสื้อไปซ่อนเอาไว้แต่จนถึงตอนนี้หลังจากที่มีการค้นพบท่านมาแล้วจำนวน 7 ท่านด้วยกันก็ยังไม่พบเสื้อที่คนร้ายนำไปซ่อนไว้เลยแต่อย่างไรก็ดีความคืบหน้าล่าสุดนั้นว่าหลังจากที่พ่อแม่ของน้องชมพู่นั้น

ได้มีการนำดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้ขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขาตามที่หมอทำได้แนะนำไปนั้นปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบหลักฐานชิ้นใหม่ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากศพของน้องชมพู่มากนักเป็นกุญแจรถรวมถึงเหรียญสตางค์ซึ่งมีการเจาะรูเอาไว้แต่ของเหล่านั้นถูกมีการเผาทิ้งซึ่งยังคงมีหลักฐานหลงเหลือเอาไว้บางส่วนโดยหลักฐานชิ้นนี้พบว่าอยู่ห่างจากการพบศพของน้องชมพู่แค่เพียง 200 เมตรเท่านั้น

เองทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เก็บหลักฐานเอาไว้ซึ่งเมื่อเช้านี้ออกไปก็พบว่าทางด้านเณรแอร์ ซึ่งเคยเป็นคนที่ชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องทางด้านไสยศาสตร์และเคยทำเรื่องผิดกฎหมายด้วยการขุดศพของเด็กมาทำเครื่องรางของขลังนั้นได้พูดถึงเรื่องของเหรียญที่มีการเจาะรูเอาไว้ว่าเหรียญสตางค์ที่มีการเจาะรูนั้นตามความเชื่อของคนเล่นไสยศาสตร์แล้ว

เชื่อว่าจะเป็นการสะกดวิญญาณของศพ ไม่ให้ออกมาอาละวาด มีการคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นการสะกดวิญญาณของน้องเป็นผู้เอาไว้อย่างไรก็ดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งตามหาเสื้อกล้ามของน้องชมพู่อยู่เนื่องจากว่าเสื้อกล้ามนั้นเชื่อว่าจะเป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถที่จะตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าน้องชมพู่ได้

สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มีพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งได้ออกมาระบุถึงเสื้อของน้องชมพู่ว่าให้ลองหาบริเวณใกล้กับสุขของน้องชมพู่ให้ดีๆเพราะว่าเสื้อน่าจะถูกซ่อนเอาไว้ไม่ห่างจากศพเกิน 600 เมตรและที่สำคัญทางพระสงฆ์และหมอดูคนอื่นๆต่างก็ยืนยันตรงกันว่าคนร้ายยังคงเป็นคนในหมู่บ้านและตอนนี้ก็ยังอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าวซึ่งคนร้ายนั้นติดยาเสพติดจึงได้ก่อเหตุในครั้งนี้ขึ้น

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  sagameผ่านมือถือ

คนใจบาปตายไปตกนรกเพราะงัดตู้บริจาคเงินของวัด

          ที่จังหวัดนครปฐมมีการเผยแพร่คลิปเป็นกล้องวงจรปิดของทางวัดที่สามารถจับภาพคนร้ายที่เข้ามาขโมยเงินวัดจากตู้รับบริจาคเงินช่วยเหลือจากชาวบ้านเหตุการณ์ที่มีกลุ่มโจรไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงที่ทำทีเข้ามาทำบุญไหว้พระกับไหว้พระพุทธรูปภายในบริเวณวัดหลังจากที่ไม่มีใครมองก็มักจะงัดตู้บริจาคเงินของวัดขโมยของมีค่าของวัดนำไปขาย

ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้คือกลุ่มคนที่มีความบาปหนาเป็นอย่างมากซึ่งตายไปพรุ่งนี้จะตกนรกไปเป็นผีเปรตเหตุการณ์ที่จังหวัดถูกขโมยเงินบริจาคเกิดขึ้นบ่อยครั้งอย่างมากก่อนหน้านี้จนมักจะเข้ามาขโมยพระพุทธรูปภายในบริเวณวัดเพื่อนำไปขายแต่ภายหลังพระพุทธรูปส่วนใหญ่สร้างจากหินปูนมีขนาดใหญ่และหนักที่สำคัญไม่ใช่พระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ

จึงทำให้ขโมยไปขายก็ไม่ได้มีราคาโจรส่วนใหญ่จึงเปลี่ยนวิธีการขโมยข้าวของภายในวัดแทนที่จะเป็นการขโมยพระพุทธรูปก็กลับมาเป็นการขโมยเงินตู้รับบริจาคภายในวัดซึ่งจะเป็นเงินที่ชาวบ้านที่มาทำบุญที่วัดได้มีการหยอดใส่เอาไว้ที่ตู้เพื่อให้พระสงฆ์นำเงินดังกล่าวไปบูรณะซ่อมแซมวัดหรือไปจ่ายเป็นพวกค่าน้ำค่าไฟให้กับวัด

ซึ่งช่วงหลังๆมานี้ไปวัดมักจะถูกขโมยเงินบริจาคนี้จึงจำเป็นต้องมีการติดกล้องวงจรปิดเอาไว้เพื่อติดตามหาตัวขโมยและในเหตุการณ์ครั้งนี้ที่วัดบางช้างใต้จังหวัดนครปฐมก็ถูกเหตุการณ์ที่มีโจรมาขโมยเงินภายในวัดจากตู้รับบริจาคโดยมีการขโมยเงินของวัดไปเมื่อวันที่ 5 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563

หลังจากที่เจ้าอาวาสได้มีการเปิดกล้องวงจรปิดดูก็พบว่าเป็นชายสวมใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าคำที่คล้ายกับว่าจะมากราบไหว้พระพุทธรูปภายในอุโบสถหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครสังเกตเห็นชายคนดังกล่าวก็มีการขโมยเงินของวัดไปซึ่งทางเจ้าอาวาสและชาวบ้านจึงได้นำคลิปหน้าตาของหัวขโมยมาเผยแพร่ผ่านทางโลกโซเชียล

เพื่อหวังว่าหากใครพอที่จะจำหน้าใช้หัวขโมยคนนั้นได้จะได้เป็นเบาะแสในการแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีและถึงแม้ว่า อาจจะแนะนำตัวคนร้ายมาไม่ได้เพราะคนร้ายมีการปิดบังใบหน้าแต่เชื่อเถอะว่าบทลงโทษนอกจากทางกฎหมายแล้วทางธรรมก็ยังมีบทลงโทษกับคนที่คิดร้ายอย่างนี้

ด้วยเช่นเดียวกันแม้เขาอาจจะไม่ได้รับโทษทางในครั้งนี้ตอนที่ยังมีชีวิตแต่เมื่อใดก็ตามที่เขาเสียชีวิตไปแล้วเขาจะได้เจอโทษจากสิ่งที่เขาทำจริงๆ หรือบางคนอาจจะสำนึกได้ในตอนที่ยังไม่ตายก็ได้เขาบาปเรานั้นมักจะอยู่ในใจของคนที่ทำความผิดอยู่เสมอ

 

สนับสนุนโดย  bk8 ฝากเงิน

สุดสลดใจพี่วัย 15 ปีลงไปช่วยน้องที่จมน้ำ

สุดสลดใจพี่วัย 15 ปีลงไปช่วยน้องที่จมน้ำทำตนเองเสียชีวิตแต่น้องรอด 

       เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้น ที่จังหวัดขอนแก่นเมื่อมีการเกิดเหตุการณ์ที่น่าสลดใจเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 เดือนพฤษภาคมปี พ.ศ. 2563  เมื่อมีคุณปู่ท่านหนึ่งอายุประมาณ 68 ปีได้พาหลานๆจำนวน 4 คนออกไปหากินด้วยการงมหอยที่ริมแม่น้ำลำคลอง

ซึ่งผู้เป็นปู่เป็นคนงมหาหอยหวานๆทั้ง 4 คนก็เล่นน้ำอยู่ใกล้ๆกันนั่นเองโดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ปู่ของเด็กๆเล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าคุณปู่ได้ชักชวนหลานๆทั้ง 4 คน  มาช่วยกันงมหอยเพื่อนำไปประกอบอาหารในช่วงตอนเย็นซึ่งผู้เป็นโปรนั้นก็ได้งมหาหอยอยู่แถวๆริมตลิ่งโดยมีหลานๆเล่นน้ำอยู่ไม่ไกลจากคูมากนักห่างกันแค่เพียงประมาณ 50 เมตรเท่านั้นเอง

หลวงปู่มัวแต่งมหาหอยจึงไม่ได้ดูหลานเพราะเห็นว่ามีพี่คนโตอายุ 15 ปีคอยดูแลน้องๆอยู่หลังจากนั้นไม่นานหลานวัย 13 ปีคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาปู่เลยบอกว่าพี่สาวคนโตวัย 15 ปีจมน้ำปู่จะได้รีบมาดูและตะโกนให้คนแถวนั้นซึ่งเป็นชาวบ้านที่ออกมาหาปลาด้วยกันมาช่วยกันงมหาร่างของหลานสาววัย 15 ปีโดยใช้เวลาแค่เพียง 10 นาที

ก็พบร่างของหลานสาวอยู่ใต้น้ำจึงนำร่างของหลานสาวขึ้นมาบนบกแล้วช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการผายปอดและปั๊มหัวใจแต่เขาไม่สามารถช่วยชีวิตหลานสาวไว้ได้ซึ่งขณะที่มีการช่วยเหลือปฐมพยาบาลนั้นก็ได้มีการโทรแจ้ง 1669 แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเดินทางมาทันได้หลานเสียชีวิตไปซะก่อน

         ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เด็กสาววัย 13 ปีซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่ในจำนวนหลานผู้เสียชีวิตนั้นได้เล่าให้ทั้งปู่และเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าพวกตอนทั้ง 4 คนกำลังเล่นน้ำกันอยู่ตรงริมตลิ่งแต่ปรากฏว่าน้องคนเล็กวัย 9 ขวบได้มีการลื่นไถลออกไปแถวกลางแม่น้ำเมื่อพี่วัย 15 ปีเห็นจะได้ลอยคอไปช่วยน้องซึ่งก็สามารถนำน้องมาส่งที่ฝังได้แล้วแต่ระหว่างที่กำลังจะขึ้น

ฝั่งนั้นมีกระแสน้ำไหลมาแล้วพัดร่างของพี่ไปตรงบริเวณที่เป็นร่องน้ำวนทำให้ร่างของพี่ถูกพัดลมหายไปซึ่งพวกเราทั้งสามคนไม่สามารถช่วยเหลือพี่วัย 15 ปีได้เลยจึงทำได้เพียงแค่วิ่งไปตามให้ปู่มาช่วยพี่สาวเท่านั้นแต่ก็ปรากฏว่าน้ำไม่ทันช่วยขึ้นมาได้แต่พี่สาวก็เสียชีวิตไปเสียแล้ว

     ซึ่งในตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงก็ปรากฏว่าหญิงสาววัย 15 ปีเสียชีวิตแล้วโดยมีผู้เป็นตาและสาวคนอื่นๆยืนรออยู่ข้างๆศพของหญิงสาววัย 15 ปี

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  bk8 ฟรี เครดิต

สาวสองโพสต์คลิปขอโทษพนักงานส่งอาหาร

สาวสองโพสต์คลิปขอโทษพนักงานส่งอาหาร  วอนสังคมให้อภัย

          ยังจำกันได้ดีกับสาวประเภทสองคนหนึ่งที่มีการสั่งอาหารจากพนักงานส่งอาหาร บริษัทหนึ่งซึ่งเธอต้องการให้พนักงานขึ้นไปส่งอาหารเธอบนคอนโดเนื่องจากว่าเธอมีอาการไม่สบายเป็นไข้ขึ้นสูงเธอจึงไม่อยากลงมาสัมผัสกับบุคคลข้างนอกแต่เนื่องจากตัวพนักงานเองนั้นก็ถูกสั่งห้ามจากทางบริษัทเหมือนกันว่าห้ามขึ้นไปส่งอาหารให้กับลูกค้าถึงข้างบน

โดยเน้นย้ำว่าพนักงานจะต้องรอส่งอาหารแค่ใต้คอนโดเท่านั้นซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้สาวประเภทสองคนดังกล่าวไม่พอใจอย่างมากที่พนักงานไม่ยอมขึ้นไปในขณะที่พนักงานเองก็พยายามอธิบายถึงเหตุผลที่เขาไม่สามารถขึ้นไปส่งของให้ทราบได้

ซึ่งคลิปวีดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่และเป็นที่โด่งดังเป็นอย่างมากและภายหลังจากที่มีการเผยแพร่ออกไปทางบริษัทของสาวประเภทสองที่ทำงานอยู่เป็นบริษัทขายรถยนต์นิสสันก็ได้ออกมาประกาศจุดยืนถึงพฤติกรรมของพนักงานโดยมีการลงโทษพนักงานคนดังกล่าวด้วยการประกาศไล่ออกให้มีผลทันทีซึ่งหลังจากที่มีเอกสารจากทางบริษัทนิสสันประกาศไล่ออกพนักงานคนดังกล่าวทำให้สาวประเภทสองซึ่งเธอมีอาชีพเป็นเซลล์ให้กับบริษัทนิสสันต้องออกมาโพสต์คลิปขอโทษสังคมรวมถึงขอโทษพนักงานส่งอาหาร

โดยในขณะนี้เธอได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าร้ายคนในโลกโซเชียลได้มีการหาข้อมูลส่วนตัวของเธอว่าเป็นใครอยู่ที่ไหนและมีการส่งข้อความมาต่อว่าเธอกันอย่างมากมายรวมถึงเธอเองก็ถูกกระแสต่อต้านจากทางสังคมและทางบริษัทที่เธอทำงานอยู่ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอ เสียใจมากเพราะเธอได้รับผลกระทบอย่างหนักมาก

ในครั้งนี้ซึ่งในตอนที่เธออัดคลิปนั้นเธอยังมีการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเนื่องจากว่าเธอยังมีการไข้ขึ้นสูงอยู่แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเธอมีอาการป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือไม่ซึ่งเธอได้อธิบายเหตุผลในฝั่งของเธอเกี่ยวกับที่เธอไม่อยากจะลงมารับของเพราะเธอกลัวว่าเธออาจจะป่วยเป็นไวรัสโคโรน่าแล้วอาจจะแพร่เชื้อให้กับคนอื่น

ซึ่งในขณะเดียวกันหลายคนก็มองว่าสิ่งที่เธอทำนั้นหลายคนเข้าใจแต่สิ่งที่ทุกคนไม่พอใจนั้นก็คือเธอพูดจาหยาบคายใส่กับพนักงานส่งของมากเกินไปโดยไม่มองว่าเขาเป็นคนทำงานคนหนึ่งเลยทั้งที่ตัวเธอเองนั้น

ก็เป็นพนักงานที่ต้องรองรับอารมณ์ลูกค้าเช่นเดียวกันน่าจะเข้าใจหัวอกกันดีอีกทั้งในขณะที่เธอบอกว่าเธอกลัวว่าเธอจะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าเธอไม่อยากจะเอาเชื้อมาแพร่ให้กับคนอื่นนั้นขนาดที่เธอลงมาต่อว่าพนักงานส่งของเธอกลับไม่สมใส่หน้ากากอนามัยซึ่งมันเป็นการย้อนแย้งกันมากระหว่างที่เธอพูดและเป็นการกระทำของเธอ

 

สนับสนุนโดย  9luck

หนี้นอกระบบทำตำรวจสันติบาลต้องกลายเป็นโจรปล้นแบงค์

  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. บางประกง ได้รับแจ้งเหตุพบชายต้องสงสัยมาเดินอยู่ที่หน้าธนาคาร กสิกรไทย สาขาบางบัว อยู่บางนาตราด กม. 42 โดยชายคนดังกล่าวแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาว และใส่กางเกงขายาวสีดำ ที่สำคัญเขาใส่หมวกและใส่หน้ากากปิดบังหน้าตา และยังมีการสะพายเป้อยู่ด้านหลัง

ดูแล้วน่าสงสัยเป็นชาวบ้านจึงได้โทรแจ้งให้ตำรวจช่วยมาตรวจสอบและเมื่อเดินทางมาถึง ทางเจ้าหน้าที่ได้ขอค้นตัวชายคนดังกล่าว แต่ชายคนดังกล่าวขัดขืน แถมยังอ้างว่าตัวเองก็เป็นตำรวจ ซึ่งเป็นตำรวจสันติบาล แต่เมื่อถามเรื่องการแต่งตัว เขาก็ไม่ยอมพูดอะไร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าล็อคตัวและทำการค้นตัวทำให้พบว่าเขาพกปืนมาไว้ในถุงกระดาษสีน้ำตาลและพบว่าปืนดังกล่าวได้ขึ้นลำกล้อง เอาไว้ด้วย

และเมื่อค้นกระเป๋าก็ยังพบกระสุนปืนอีกเป็นจำนวนมาก  และที่สำคัญเมื่อค้นตัวชายคนดังกล่าวกลับพบว่า เขาใส่เสื้อสองชั้นและกางเกงอีกสองชั้น ซึ่งน่าสงสัยว่าอาจจะมาก่อเหตุเสร็จแล้วก็จะทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ ซึ่งระหว่างการจับกุมตัว ชายคนดังกล่าวไม่ยอมพูดอะไรเลย

จะให้ข้อมูลในชั้นศาลเท่านั้น และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวมาที่โรงพัก ในที่สุดเขาก็ให้การรับสารภาพว่าตนเองไม่ใช่ตำรวจจริงและที่ไปยืนอยู่ที่หน้าธนาคารกสิกรไทยนั้นเพราะกำลังจะลงมือก่อเหตุปล้นธนาคารจริงจริง โดยเขาให้เหตุผลของการคิดก่อเหตุในครั้งนี้นั้นก็เพราะว่าตอนนี้เขามีหนี้สินอยู่เกือบประมาณสี่แสนบาท

โดยมีทั้งหนี้ในระบบ และยังมีหนี้นอกระบบอีก อีกทั้งตอนนี้เมียของเขาก็ยังมาตกงานอีก และในช่วงที่โควิด-19 ระบาดนี้ทำให้หาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้เลย ทำให้เขาเกิดความเครียดเป็นอย่างมากจึงได้ตัดสินใจที่จะมาก่อเหตุปล้นธนาคารดังกล่าว โดยตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเตรียมการขยายผล ว่าคนร้ายได้นำอาวุธปืนมาจากไหน

เนื่องจากในกระเป๋าของคนร้ายมีทั้งอาวุธปืนและมีกระสุนเยอะมาก  ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อคนร้ายว่าชื่อว่า นายปัณเทพย์ และคนที่เห็นเหตุการณ์บอกให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนที่คนร้ายจะถูกตำรวจคุมตัว คนร้ายได้เดินมาหาตนเองที่ร้าน

ซึ่งตอนนี้เธอกำลังตั้งร้านอยู่ โดยชายคนดังกล่าวแต่งกายมิดชิดและมาถามเธอว่าธนาคารมีการวัดอุณหภูมิหรือไม่ ซึ่งเธอก็บอกว่าก็วัดอุณหภูมิปกตินั่นแหละ หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวก็ไปคุยกับ รปภ. ที่หน้าธนาคาร และเธอก็มารู้ภายหลังว่าเขาเป็นคนร้ายที่กำลังจะปล้นธนาคารนั่นเอง

 

ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนโดย  sagame