ถูกคนร้ายบุกเข้าไปในโรงพยาบาลกลางดึกหวังข่มขืน

พยาบาลเตือนภัย  ผวา ถูกคนร้ายบุกเข้าไปในโรงพยาบาลกลางดึกหวังข่มขืน 

         ที่จังหวัดขอนแก่นได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กของจังหวัดดูเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 เดือนกรกฎาคมปี ค.ศ. 2020 โดยช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นเป็นช่วงเวลา ประมาณ 4:00 น. มีพยาบาลสาวท่านหนึ่งได้ออกมาโพสต์ข้อความเตือนเราพยาบาลด้วยกัน

เกี่ยวกับการให้ระวังตัวเมื่อต้องมาทำงานในโรงพยาบาลซึ่งเป็นเวรกะดึกโดยบอกว่าให้พยาบาลสั่งเป็นชุดกางเกงมาทำงานจะใส่ชุดกระโปรงอย่างเด็ดขาดเพราะว่าเธอนั้นเจอคนร้ายบุกเข้ามาทำร้ายหวังจะข่มขืนเมื่อวันที่5 เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้เองโชคดีมากที่มีญาติคนป่วยมาช่วยเหลือได้ทำคนร้ายจึงหนีไปตอนนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้จึงฝากเตือนภัยมาอย่างเราพยาบาลทุกคนที่ต้องทำงานกะกลางคืนให้ระวังตัวเอาไว้ 

            สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลในเขตอำเภอภูผาม่านโดยพยาบาลสาวเล่าว่าช่วง วันที่เกิดเหตุนั้นในโรงพยาบาลมีเจ้าหน้าที่พยาบาลทั้งหมด 3 คนด้วยกันช่วงที่เกิดเหตุนั้นเธอกำลังนอนหลับอยู่ตรงเคาน์เตอร์พยาบาลอยู่ดีๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ได้ประมาณความสูงอยู่ที่ 180 เซนติเมตรได้บุกเข้ามาประชิดตัวเธอทางด้านหลัง

และตรงมือจับหน้าอกของเธอ พร้อมกับพยายามดึงตัวเธอให้ไปอยู่บริเวณใต้กล้องวงจรปิด หลังจากนั้นก็พยายามถอดเสื้อผ้าเธอและจะพยายามข่มขืนแต่เธอได้ต่อสู้และกรีดร้อง ซึ่งโชคดีมากที่มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นญาติของคนไข้ออกมาเห็นพอดีเขาจึงได้ทำการช่วยเหลือเธอเอาไว้ด้วยการพยายามดึงไหลออกจากเธอทำให้มันวิ่งหนีไป

ซึ่งคนร้ายหนีไปทางบ้านพักของเจ้าหน้าที่พยาบาลออกทางประตูหลังอย่างไรก็ตามเธอบอกว่ารูปร่างของคนร้ายนั้นค่อนข้างเหมือนกับคนที่เป็นนักกีฬาเป็นคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ตามร่างกายไม่มีร่องรอยแผลเป็นอะไรเลยและเธอไม่สามารถบอกได้ว่าคุณนายหน้าตาเป็นยังไงเธอไม่เห็นหน้าเนื่องจากคนร้ายใช้เสื้อปิดบังใบหน้าอีกทั้งเมื่อเช็คจากกล้องวงจรปิดก็บอกว่าตอนเปิดประตูเข้ามาคนร้ายใช้ผ้าจับประตู

อาจจะเป็นการป้องกันรอยนิ้วมือพี่จะตรวจได้ตรงบริเวณประตูทำให้พยาบาลมั่นใจว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่น่าจะเคยเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้งและรู้มุมกล้องวงจรปิดเป็นอย่างดีคนร้ายถึงสามารถตกกล้องวงจรปิดและหนีออกไปได้อย่างไร

ก็ตามเธอได้มีการโพสต์ Facebook ลงไปพร้อมทั้งหากใครมีเบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายก็สามารถแจ้งกับเธอได้เลยเธอบอกว่าเธอจะมีรางวัลให้อย่างงามสำหรับคนที่แจ้งเบาะแสคนร้ายให้กับเธอได้นั่นเอง

 

ขอขอบคุณ  betbb  ที่ให้การสนับสนุน

ข่าวผัวแทงเมียตาย เพราะทวงเงินห้าแสนบาท

  มีเหตุการณ์หนึ่งที่น่าตกใจอย่างมาก ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นทีบ่อตกกุ้ง ในจังหวัดชลบุรี โดยมีคนไปแจ้งความกับตำรวจว่าที่บ่อตกกุ้งแห่งนี้มีคนเสียชีวิต 2 คน และคนที่ก่อเหตุคือ นายสิงห์ หายไปจากจุดเกิดเหตุแล้ว โดยผู้ตายทั้งสองคนนั้นคนหนึ่งเป็นเมียของนายสิงห์ ส่วนอีกคนคือพี่สาวเมียของนายสิงห์ พบว่าเสียชีวิตจากการถูกแทงหลายแผลบริเวณลำตัวของทั้งคู่

โดยทั้งสองศพเสียชีวิตอยู่ในห้องนอน ซึ่งจากที่เจ้าตำรวจสันนิฐานคนร้ายน่าจะไม่พอใจพี่สาวของภรรยาตัวเองมากเพราะมีการแทงพี่สาวของภรรยามากถึง 10 แผลด้วยกันและในตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังตามหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุไม่พบ ไม่รู้ว่าไปกบดานอยู่ที่ไหน  จากการที่นักข่าวได้ลงพื้นที่ ได้รับคำบอกเล่าจากพนักงานร้านหมูกระทะที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุว่า สามีภรรยาคู่นี้ นั่นก็คือนายสิงห์กับคนตาย ช่วงหลังหลังมานี้มักจะมีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยมาก และนายสิงห์ยังได้ทะเลาะกับพี่สาวของเมียตัวเองอีกด้วย ซึ่งจากข้อมูลที่ได้มาพบว่า บ่อตกกุ้งแห่งนี้เป็นเงินที่ทางพี่สาวเมียของนายสิงห์ได้ให้นายสิงห์ยืมเงิน

มาเปิดกิจการบ่อตกกุ้ง โดยให้เงินมาประมาณ ห้าแสนบาท ซึ่งหลังจากเปิดกิจการบ่อตกกุ้งมา ธุรกิจไม่ดี รวมถึงนายสิงห์ยังได้ยืมเงินพี่สาวของภรรยาไปลงทุนทำอย่างอื่นอีกด้วย แต่สุดท้ายธุรกิจที่ลงทุนไปขาดทุนทั้งหมด  ซึ่งนี่เองอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นายสิงห์ก่อเหตุฆ่าพี่เมียและเมียของตัวเองเสียชีวิต เพราะอาจจะถูกทางพี่เมียต่อว่าเกี่ยวกับการนำเงินมาลงทุนแล้วขาดทุน

รวมถึงอาจจะทวงทางพี่สาวของเมียทำการทวงเงินทียืมไปแล้วนายสิงห์ไม่มีคืนให้จนเกิดการทะเลาะกันและจึงเป็นสาเหตุของการฆ่ากันตายในครั้งนี้  และเพื่อนอยากได้เล่าให้นักข่าวฟังอีกว่า โดยปกติแล้วผู้ตายคนที่เป็นพี่สาวภรรยา มักจะมีการต่อว่าคนร้ายอยู่เป็นประจำ เพราะคนร้ายเป็นคนขี้เกียจไม่ชอบทำงาน และที่สำคัญคนร้ายเป็นคนนิสัยอารมณ์เสียง่าย

หัวร้อนและมีอารุมรุนแรง  จึงคิดว่าคนร้ายน่าจะทนคำด่าของพี่สาวเมียไม่ไหว จึงทำให้หมดความอดทนและนายสิงห์จึงได้ลงมือก่อเหตุ   เหตุการณ์ฆ่ากันตายในครั้งนี้กว่าจะมีคนมาพบศพก็ผ่านไป 2 วันแล้ว ซึ่งตอนนี้ทางลูกสาวของคนร้ายก็กลัวว่าพ่อจะคิดสั้นเพราะทีจริงแล้วพ่อรักแม่ที่ตายมาก แต่อาจจะเกิดความคับแค้นใจจึงได้ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ 

 

สนับสนุนโดย  หวยออนไลน์ขั้นต่ำ 1 บาท

เมื่อนักศึกษาออกมาแฉโรงเรียนส่งไปฝึกที่ค่ายทหารแต่กลับต้องไปเจอกิจกรรมที่ไม่สร้างสันต์

          มีรายงานมาจากเพจ กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทย  ออกมาแฉเรื่องราวของกิจกรรมการออกค่ายคุณธรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่งในจังหวัดพัทลุง ซึ่งมีการจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างวิทยาลับกับค่ายทหารส่งเด็กอาชีวะเข้าไปอบรม ให้เป็นเป็นที่มีคุณธรรม และจริยะธรรม โดยมีการเข้ารับการอบรมกันระหว่างวันที่ 5 เดือนมีนาคม ถึงวันที่ 7 มีนาคม ปี พ.ศ. 2563 

โดยทางเพจได้ออกมาแฉถึงกิจกรรมเข้าค่ายในครั้งนี้ว่า เริ่มแรกทางวิทยาลัยจะบังคับเก็บเงินนักศึกษาทุกเข้าที่ต้องมาเข้าค่าย โดยคิดเงินคนละหกร้อยห้าสิบบาท  และยังบอกให้ทุกคนต้องโกนหัวมาก่อนเข้ามาอยู่ในค่ายทหาร และหากใครฝ่าฝืนไม่ยอมโกนหัวมา ครูก็จะเป็นคนที่โกนผมให้กับนักศึกษาเอง โดยนักศึกษาหลายคนได้ออกมาบ่นว่า การอบรมครั้งนี้เหมือนกับตัวเองต้องไปเป็นทหารกันเลยทีเดียว และเมื่อเข้าไปทำกิจกรรมในค่ายทหารแล้ว หากผมว่าใครไม่ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม

ทางค่ายทหารก็จะไม่ให้ผ่านและจะต้องมีการซ่อมกิจกรรมจนกว่าจะผ่านอีกด้วย  ซึ่งนักศึกษาหลายคนออกมาให้ข้อมูลว่า กิจกรรมภายในค่ายทหารนั้นไม่สร้างสันต์หลายอย่าง โดยเฉพาะกิจกรรมที่บังคับให้นักศึกษาไปนั่งอยู่ด้านหน้าของท่อไอเสียรถยนต์ แล้วหลังจากนั้น ทหารก็จะทำการเร่งเครื่องยนต์ให้ควันออกมา แล้วให้นักศึกษานั่งดมควันเสียของรถยนต์ที่ออกมาจากท่อ โดยต้องนั่งดมแบบนี้กันทุกคน ซึ่งจะต้องนั่งดมทีละคนจนกว่าจะครบหมดทุกคน  และเมื่อทางเพจมีการส่งรายละเอียด และมีรูปภาพการจัดทำกิจแบบนี้ออกมาให้ชาวโซเชียลได้ดู หลายคนมีการตั้งคำถามกลับไปถึงทางวิทยาลัยและทางค่ายทหารว่า

กิจกรรมแบบนี้จะช่วยให้เด็กมีคุณธรรมได้อย่างไร  และการที่ทางวิทยาลัยและค่ายทหารทำแบบนี้ ทำไปเพื่ออะไร และเด็กนักศึกษาได้อะไรจากการดมควันจากท่อรถยนต์ ซึ่งหลายคนมองว่ากิจกรรมแบบนี้ทางวิทยาลัยสมควรที่จะต้องห้ามและไม่ควรให้มีการทำแบบนี้เกิดขึ้นแต่กลับปล่อยปละละเลยจนเด็กทุกคนที่ไปทำกิจกรรมได้ดมควันดำเข้าไปจนเต็มปอด หากเกิดอันตรายขึ้นกับเด็กใครจะรับผิดชอบ เพราะอย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าควันดำจากท่อไอเสียจะเป็นมลพิษที่มีผลไปยังปอด

ซึ่งตอนนี้กำลังมีการรณรงค์ในการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อไม่ได้ร่างกายสูดดมสารพิษเข้าไปแล้วทำไมทางโรงเรียนและค่ายทหารจึงจัดกิจกรรมแบบนี้ออกมา นี่หรือคือระบบการศึกษาของไทย โรงเรียนจะต้องออมารับผิดชอบกับเรื่องดังกล่าว

 

 

สนับสนุนโดย  Alpha88 เครดิตฟรี

เด็กหญิง 2 คนเสียชีวิตในรถเก่า คาดหนีมาเล่นแล้วออกไม่ได้

         ที่จังหวัดสุพรรณบุรีเจ้าหน้าที่ตำรวจ  สภ. อู่ทองได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่าพบศพเด็กหญิงเสียชีวิตจำนวน 2 คนภายในแท็กซี่เก่าคันหนึ่งซึ่งจอดทิ้งเอาไว้ใต้ต้นไม้อยู่บริเวณด้านหลังของหมู่บ้าน ซึ่งต่างจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงก็พบชาวบ้านจำนวนมากกำลังยืนมุงที่เกิดเหตุอยู่และเมื่อไปถึงก็พบว่ามีศพเด็กเสียชีวิตอยู่ภายในรถแท็กซี่คันเก่า

ซึ่งมีสีน้ำเงินดูเด็กทั้งสองคนนั้นคนแรกอายุ 6 ขวบและคนที่ 2 อายุ 5 ขวบซึ่งเด็กทั้งสองคนนั้นเป็นญาติกันในที่เกิดเหตุยังพบแม่ของเด็กทั้งสองคนกำลังร้องไห้เสียใจจากการจากไปของเด็กทั้งสองคนอีกด้วยโดยแม่ของเด็กหญิงคนหนึ่งได้เล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าตนเองนั้นมีอาชีพรับจ้างทั่วไปซึ่งโดยปกติแล้วมักจะพาลูกไปทำงานด้วยแต่วันนี้ลูกสาวขออยู่บ้าน

โดยบอกว่าจะเล่นอยู่กับเพื่อนๆที่บ้านเธอจะได้อนุญาตหลังจากที่กำลังทำงานอยู่นั้นญาติของเธอก็ได้โทรมาตามเธอโดยบอกว่าลูกสาวหายตัวออกไปจากบ้านเธอจึงได้หยุดงานแล้วออกตามหาลูกสาวพร้อมกับแจ้งทางผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยประกาศตามหาลูกสาวเมื่อชาวบ้านคนอื่นรู้เรื่องต่างก็พากันช่วยออกตามหาจนในที่สุดก็มาเจอร่างของหนูน้อยทั้งสองคนนอนเสียชีวิตอยู่ภายในรถแท็กซี่

ซึ่งลักษณะของรถนั้นมีการปิดประตูเอาไว้จึงมีการคาดการณ์กันว่าเด็กสาวทั้งสองคนน่าจะแอบมาเล่นที่ท้ายหมู่บ้านและมาเล่นที่รถแท็กซี่คันดังกล่าวหลังจากนั้นปิดประตูรถแล้วไม่สามารถเปิดประตูรถออกได้เนื่องจากว่ารถมันเก่ามากแล้วและมีสนิมขึ้นทำให้เด็กทั้งสองคนนั้นอาจจะเกิดอากาศหายใจโดยจากการที่ทำกู้ภัยได้นำร่างของเด็กหญิงทั้งสองคนไปทำการตรวจที่โรงพยาบาลปรากฏว่าเด็กหญิงทั้งสองคนนั้นขาดอากาศหายใจซึ่งเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมงก่อนที่มีคนไปพบศพจึงทำให้คาดการณ์ได้ว่าเด็กๆนั้นน่าจะแอบไปเล่นในรถแล้วติดอยู่ในรถไม่มีคนมาช่วยจึงทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ซึ่งโดยปกติแล้วชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวมีการระบุว่าตรงท้ายหมู่บ้านนั้นออกไปค่อนข้างลึกและไกลจึงมักไม่ค่อยมีใครสัญจรไปทางเส้นทางนั้นซึ่งทำให้เด็กๆนั้นเวลาที่ติดอยู่ในรถจึงไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้ทันอย่างท่วงทีอย่างไรก็ตามพ่อแม่ของเด็กทั้งสองคนนั้นไม่ได้ติดใจเอาความเกี่ยวกับเรื่องสาเหตุของการเสียชีวิตของลูกเนื่องจากว่าไม่มีที่จะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องของทางด้านกฎหมายจึงปล่อยให้เป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการชันสูตรศพหลังจากนั้นก็จะนำศพของเด็กๆทั้งสองคนไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป

 

สนับสนุนโดย  entaplay casino

บทเรียนราคาแพง กู้หนี้ กยศ.

บทเรียนราคาแพง กู้หนี้ กยศ. ติดหนี้เพียงแค่หมื่นเจ็ดพันบาท กลับถูกยึดบ้านราคาสองล้าน

       สำหรับใครที่เคยเป็นลูกหนี้ของ  กยศ. ซึ่งการเป็นหนี้ของ กยศ. จะเป็นการปล่อยเงินกู้ให้กับเหล่านักเรียนนักศึกษาที่ต้องการนำเงินดังกล่าวนั้นไปทำการศึกษาต่อในระดับชั้นชาตรีหรือในระดับชั้นอาชีวศึกษาซึ่งการกู้ของนักเรียนนักศึกษานั้นสามารถทำได้โดยจะต้องมีการเซ็นค้ำประกันซึ่งคนที่เซ็นค้ำประกันนั้นจะเป็นพ่อแม่พี่น้องหรือเครือญาติ

หรือคนที่เรารู้จักก็ได้โดยในปัจจุบันนี้มีนักเรียนนักศึกษาที่ทำเรื่องขอกู้เงินกับทาง กยศ. เพื่อไปเป็นค่าเล่าเรียนนั้นเป็นจำนวนมากแต่ก็มีเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกันที่เมื่อมีการกู้เงินและได้เงินไปร่ำเรียนหนังสือจนจบแล้วกลับไม่มีการนำเงินมาใช้หนี้คืนกับทาง กยศ. ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีการประกาศออกไปติดตามเรื่องการทวงหนี้หลายครั้ง

แต่ส่วนใหญ่นั้นก็จะมีการเพิกเฉยหลังจากที่ไม่มีการใช้หนี้ทาง กยศ. ว่าจะมีการติดตามทวงหนี้จากคนที่ค้ำประกันซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากคนค้ำประกันไม่มีการนำยอดหนี้มาชำระก็จะถูกดำเนินคดีตามหมายศาลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเธอนั้นอายุ 38 ปีเธอบอกว่าเมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว

เธอได้มีการกู้เงินกับทาง กยศ. มาจำนวนหนึ่งเพื่อที่จะทำการจ่ายเป็นค่าเล่าเรียนของเธอซึ่งในขณะนั้นเธอเรียนอยู่ในระดับอาชีวศึกษาอย่างไรก็ตามเมื่อเธอมีการเรียนจบและทำงานเธอก็มีการผ่อนใช้หนี้กับทาง กยศ. เรื่อยมาจนในช่วงหลังๆนั้นเธอมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของทางด้านการเงินและเธอต้องย้ายที่ทำงานไปอยู่ต่างจังหวัดเธอจึงไม่ได้ผ่อนจ่ายกับทาง กยศ. อีกเลย

ซึ่งแน่นอนว่ายอดเงินที่เธอมีการค้าคงเหลือกับทาง กยศ.  เป็นเงินเพียงแค่หนึ่งหมื่นเจ็ดพันบาทเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามเธอได้มีการออกมาร้องเรียนกับทางผู้จัดการขอให้ช่วยเธอประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ของสารเนื่องจากว่าจำนวนเงินที่เธอติดค้างนั้นค่อนข้างน้อยมากเมื่อเทียบกับการที่ทางศาลนั้นได้อนุมัติให้มีการยึดทรัพย์สินของเธอไป

ซึ่งทรัพย์สินของดังกล่าวนั้นไม่ใช่ของเธอโดยตรงแต่เป็นพ่อของเธอโดยเธอระบุว่าตอนที่เธอยื่นเรื่องขอกู้เงินเธอไม่ได้ให้พ่อเธอเซ็นคำประกันแต่คนที่เซ็นค้ำประกันนั้นคือแม่ของเธอซึ่งแน่นอนว่าในขนาดนั้นพ่อกับแม่ของเธอนั้นสมรสกันในปัจจุบันนี้พ่อกับแม่เธอนั้นมีบ้านกันคนละหลังดังนั้นศาลอาญาอนุมัติหมายยึดบ้าน

ซึ่งเป็นบ้านของพ่อเธอแต่ไม่ได้ยินเป็นการยึดบ้านของแม่เธอซึ่งเป็นอีกหลังหนึ่งโดยสารนั้นเลือกที่จะยึดบ้านหลังที่มีราคาแพงที่สุดซึ่งมีแล้วค่าถึง 2 ล้านบาทในขณะที่เธอเป็นหนี้แค่เพียงหมื่นกว่าบาทเท่านั้นทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจกับการจัดการของศาลในครั้งนี้เพราะเธอนั้นไม่ได้รับหมายศาลเกี่ยวกับเรื่องของการติดตามให้ไปชำระหนี้

แต่อย่างใดอยู่ๆเธอก็ได้รับหมายศาลว่าจะทำการยึดบ้านดังนั้นเธอมองว่าการจัดการแบบนี้ไม่ยุติธรรมกับประชาชนจึงอยากให้นักข่าวนั้นได้ทำข่าวเพื่อที่จะหาแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ต่อไปอย่างไรก็ตามเบื้องต้นทางหญิงสาวได้มีการเข้าไปร้องเรียนกับทางศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัดให้มีการเข้ามาช่วยเหลือในครั้งนี้เบื้องต้นแล้ว

 

สนับสนุนโดย  letou

แม่ค้าหัวร้อนไล่ลูกค้าออกจากร้านเพียงเพราะลูกค้าถามว่าน้ำสลัดมีเห็ดไหม

               ที่จังหวัดเชียงใหม่กำลังมีการแชร์ Facebook กันจนเป็นข่าวครึกโครมเนื่องจากว่าหลายคนรับไม่ได้กับพฤติกรรมของแม่ค้ารายหนึ่งที่ขับไล่ลูกค้าออกนอกร้านเพียงแค่ลูกค้าถามว่าในน้ำสลัดนั้นมีส่วนผสมของเห็ดหรือไม่สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้เจ้าของ Facebook ที่นำเรื่องราวมาลงนั้นได้มีการระบุว่าเหตุเกิดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 เดือนมิถุนายนปีพศ 2563

โดยหญิงสาวได้เล่าว่าเธอเป็นคนเชียงใหม่เลยบ้านของเธอนั้นอยู่แถวบริเวณขนส่งสายใหม่แต่เนื่องจากว่าเธอเคยไปรับประทานอาหารร้านนึงอยู่บ่อยๆรสชาติอาหารนั้นอร่อยมากซึ่งร้านดังกล่าวนั้นจะอยู่ไกลจากบ้านของเธอพอสมควรต้องขับรถไปและด้วยความที่ร้านอาหารนั้นตรงอาหารอร่อยถึงแม้ว่าแม่ค้าจะค่อนข้างหน้าตาไม่รับแขกก็ตามแต่เธออยากให้แม่ของเธอนั้นได้ทานอาหารอร่อยเธอจึงได้ชวนแม่ของเธอไปทานอาหารร้านดังกล่าว

ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึงเธอก็ได้สั่งอาหารประมาณ 2-3 อย่างแต่แม่ค้าก็ออกมาบอกว่าอาหารที่เธอสั่งนั้นหมดแล้วทำให้เธอถามกลับไปว่ายังมีอะไรเหลือพอที่จะสามารถสั่งได้บ้างซึ่งแม่ค้าก็ทำสีหน้าไม่พอใจ และยังบอกอีกว่าสั่งได้หมดเดินน้ำเสียงของแม่ค้านั้นพูดด้วยน้ำเสียงและกิริยาท่าทางไม่พอใจแสดงออกด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงแต่ถึงกระนั้นเธอก็เข้าใจดีว่าแม่ค้าเป็นคนบุคลิกนิสัยแบบนั้นเพราะมาทานที่นี่บ่อยจึงได้บอกให้แม่ของเธอนั้นใจเย็นๆอย่างไรก็ตามเธอได้สั่งสลัดให้กับแม่ของเธอทาน

โดยเธอนั้นได้มีการถามแม่ค้าเกี่ยวกับเรื่องของน้ำสลัดว่ามีส่วนผสมของเห็ดหรือไม่เนื่องจากแม่ของเธอนั้นเป็นคนแพ้เห็ดแต่แม่ค้ากับแสดงกิริยาไม่พอใจกรี๊ดออกมาดังๆแถมยังไล่เธอกับแม่ของเธอให้ออกนอกร้านโดยบอกว่าไม่ให้กลับมากินอาหารที่ร้านนี้อีกและถ้าไม่พอใจก็ให้ถ่ายคลิปวีดีโอนำไปเผยแพร่ได้เลยเจ้าของร้านบอกว่าเธอไม่ สนใจซึ่งในคลิปวีดีโอที่เธอถ่ายมาแชร์อยู่นั้น

จะเป็นคำพูดที่ค่อนข้างไม่สุภาพเลยเธอบอกว่าก่อนหน้าที่จะถ่ายวีดีโอนี้แม่ค้าแสดงกิริยาและคำพูดที่แย่กว่านี้อีกเนื่องจากว่าเธอนั้นตกใจกับพฤติกรรมของแม่ค้าที่อยู่ๆก็ขึ้นมาทำให้เธอไม่ได้ถ่ายตั้งแต่ต้นแต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการแชร์ข้อความนี้ออกไปก็ทำให้มีคนพูดถึงร้านนี้กันมากโดยมองว่าแม่ค้านั้นทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับลูกค้าเพราะอันที่จริงแล้ว

ใครใครก็สามารถที่จะสอบถามเรื่องของส่วนผสมของอาหารได้โดยเฉพาะคนที่แพ้อาหารจำเป็นที่จะต้องมีการเช็คก่อนว่าอาหารที่กินเข้าไปนั้นมีส่วนผสมที่จะทำให้ตนเองแพ้หรือไม่เพราะถ้าหากกินเข้าไปก็อาจจะทำให้มีอาการแพ้กำเริบและอาจตายได้เพราะฉะนั้นสิ่งที่หญิงสาวคนดังกล่าวได้มีการนำมาโพสต์ Facebook ก็หวังเพื่อที่จะระบายความรู้สึกอึดอัดใจที่เธอนั้นได้ไปพบเจอมาโดยเธอยังระบุอีกว่าเธอจะไปร้านนั้นเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้นเพราะเธอรับไม่ได้กับพฤติกรรมที่แม่ค้าขับไล่เธอและแม่ของเธอออกนอกร้าน

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์ แจกเครดิตฟรี ไม่ต้องฝาก 2020

บังเอิญเดินไปเจอกระเป๋าเปิดออกมาเจอชิ้นส่วนศพ 

วัยรุ่น กำลังถ่ายคลิปลง tiktokบังเอิญเดินไปเจอกระเป๋าเปิดออกมาเจอชิ้นส่วนศพ 

      วัยรุ่นสมัยนี้เวลาจะทำอะไรสักอย่างนึงก็จะต้องมีการถ่ายคลิปถ่ายแอปต่างๆซึ่งมีเรื่องราวของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาพวกเขากำลังเดินถ่ายคลิปอยู่ริมทะเลเพื่อที่จะได้ลง tiktok อยู่ๆสายตาของพวกเขาก็ไปเจอกระเป๋าสีดำใบใหญ่ใบหนึ่งซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาตื่นเต้นกันมากเนื่องจากว่าเขาคิดว่าพวกเขานั้นโชคดีที่ได้เจอกระเป๋าใบใหญ่

ข้างในต้องมีเงินเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอนพวกเขาจึงได้มีการถ่ายทอดสดลงติ๊กต๊อกและแน่นอนว่าเมื่อพวกเขาไปดึงกระเป๋าใบนั้นเพื่อทำการรูดซิปเปิดออกปรากฏว่าพวกเขาได้กลิ่นเหม็นรุนแรงขึ้นแน่นอนว่ามันคงไม่ใช่กลิ่นของเงินอย่างแน่นอนเมื่อพวกเขาเห็นว่ากระเป๋านี้ต้องมีอะไรสักอย่างที่ไม่ชอบมาพากลดังนั้นเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้

จึงได้มีการโทรเรียกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูซึ่งระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นก็มีการถ่ายทอดสดผ่าน application ติ๊กต๊อกไปด้วยทำให้หลายคนที่ได้มีการเข้ามาดู tiktok นั้นเห็นเกี่ยวกับเรื่องของกระเป๋าที่กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้นั้นเปิดเทอมก็ตามเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงยังจุดเกิดเหตุพวกเขาก็ได้ให้เด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ออกนอกพื้นที่และเมื่อทำการเปิดกระเป๋าดูก็พบว่ามันมีถุงพลาสติกห่อหุ้มสิ่งของอยู่แล้ว

เมื่อแกะถุงพลาสติกออกเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องตะลึงเมื่อเขาเห็นชิ้นส่วนของมนุษย์อยู่ในถุงนั้นเต็มไปหมด อย่างไรก็ตามจากการที่มีคนเข้ามาเห็นแอปติ๊กต๊อกอันนี้จึงได้มีการแชร์กันเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งแน่นอนว่ามีคนกดเข้าไปดูแอป tiktok อันนี้มากถึง 15.3ล้านครั้งแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ออกมาพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของการพบกระเป๋าชิ้น

ส่วนมนุษย์ในครั้งนี้ด้วยว่าเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบกระเป๋าใบแรกแล้วได้มีการรวบรวมหาพยานหลักฐานบริเวณใกล้เคียงก็พบกระเป๋าอีก 1 ใบอยู่ไม่ไกลจากกระเป๋าใบแรกมากนักและเมื่อเปิดกระเป๋าใบที่ 2 ขึ้นมาก็พบชิ้นส่วนมนุษย์เช่นเดียวกันอย่างไรตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่รู้ว่าชิ้นส่วนมนุษย์ดังกล่าวนั้นเป็นของใครอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อหาระบุตัวตนให้ได้ว่าเป็นชิ้นส่วนของใครและถูกฆาตกรรมมาจากที่ไหนตอนนี้ยังอยู่ระวังในการหาข้อมูลเพิ่มเติม 

       เดี๋ยวนี้เวลาใครจะทำอะไรแล้วต้องถ่ายคลิปไปด้วยนั้น ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ได้ดีไปเสียทีเดียวเพราะอย่างเรื่องนี้ที่วัยรุ่นถ่ายคลิปเอาไว้ก็สามารถนำมาเป็นหลักฐานให้พวกเขานั้นพ้นผิดไปได้ด้วย หากมีการส่งสัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นมา

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน หวย

เด็กหญิงม. 6 ตายปริศนาบ้านเพื่อนชาย 

          จากกรณีข่าวที่มีเด็กนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้ไปงานเลี้ยงปาร์ตี้กับเพื่อนชายช่วงเวลา 22:00 น ของวันที่ 16 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 และเช้าขึ้นมาพบว่าเสียชีวิตนั้นเหตุเกิดที่จังหวัดกาญจนบุรีซึ่งขณะนี้ทางด้านทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและนำศพไปทำการตรวจหาความผิดปกติ

และหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นนั้นพบว่าเด็กนักเรียนหญิงวัย 18 ปีที่เสียชีวิตนั้นเธอไปนอนเสียชีวิตที่โซฟาบ้านของเพื่อนชายของเธอแต่จริงๆแล้วบ้านที่จัดงานปาร์ตี้นั้นจะอยู่ห่างจากบ้านที่พบศพประมาณเกือบ 2 กิโลเมตรเลยทีเดียวโดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเชิญตัวเด็กชายที่เป็นเจ้าของบ้านที่จัดงานปาร์ตี้และเพื่อนชายคนสนิท

ที่เป็นคนไปรับเด็กนักเรียนชั้นม 6 ออกมาจากบ้านเพื่อไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจซึ่งเบื้องต้นนั้นเด็กทั้ง 2 คนยังคงให้การปฏิเสธอย่างไรก็ตามมีเพื่อนของเด็กหญิงที่เสียชีวิตได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่าในวันเกิดเหตุนั้นเด็กหญิงที่เสียชีวิตได้มีการโทรมาชวนพวกเธอให้ไปร่วมงานปาร์ตี้ด้วยเช่นเดียวกันแต่เนื่องจากว่าพวกเธอนั้นติดธุระจึงได้ปฏิเสธไป

ซึ่งพวกเธอยังบอกอีกว่าถ้าหากเธอไปร่วมงานด้วยเธออาจจะมีจุดจบเหมือนกับเด็กนักเรียนชั้นม 6 ที่เสียชีวิตไปก็เป็นได้เพราะคิดว่าเพื่อนของเธอนั้นไม่น่าจะเสียชีวิตเองแต่น่าจะเกิดจากการถูกวางยาและแน่นอนว่าถ้าหากพวกเธอไปพวกเธอก็อาจจะถูกวางยาด้วยเช่นเดียวกันอย่างไรก็ตามเด็กเอาทั้ง 2 คนได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมด้วยว่าเพื่อนชายที่เป็นคนมารับเด็กนักเรียนชั้นม 6 ไปเที่ยวงานปาร์ตี้นั้นยังไม่ได้นับว่าเป็นแฟนของเด็กหญิงชั้นม 6 เพียงแค่กำลังเริ่มต้นพูดเพียงเท่านั้น 

          สำหรับเรื่องนี้ทางด้านผู้ปกครองของเด็กผู้เสียชีวิตนั้นก็รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสืบสวนคดีแต่เนื่องจากว่าครอบครัวนั้นมีฐานะยากจนอาจจะไม่สามารถเก็บศพของเด็กหญิงไว้ได้ซึ่งอาจจะต้องมีการเผาศพของเด็กหญิงผู้เสียชีวิตไปก่อนแต่อย่างไร

ก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานต่างๆเพื่อให้ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้ให้ได้ว่าเป็นการถูกวางยาจนเสียชีวิตหรือเกิดจากสภาวะร่างกายมีอาการป่วยแล้วทำให้เกิดเสียชีวิตขึ้นเองซึ่งต้องรอผลจากการตรวจร่างกายของศพที่ส่งไปตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะนำมาเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับเจ้าของบ้านที่จัดงานปาร์ตี้ 

   เรื่องนี้ก็ต้องโทษพ่อแม่ของเด็กที่ไม่ยอมติดตามไปดูลูกสาวเมื่อเห็นว่าลูกสาวของตัวเองกลับบ้านดึก รอจนเช้าถึงรู้เรื่องเพราะหากพ่อแม่ เช็คลูกสักนิดว่าไปกินเลี้ยงที่ไหน แล้วเห็นว่าดึกก็ไปรับลูกกลับบ้านด้วยตนเองก็คงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์ อันดับ1

จระเข้ที่บึงสีไฟมีสภาพผอมโซ

จระเข้ที่บึงสีไฟมีสภาพผอมโซ เหตุเพราะป่วยจากการกินพลาสติกที่นักท่องเที่ยวโยนลงไปในบ่อ 

          ในโลกออนไลน์ของชาวจังหวัดพิจิตรได้มีการเผยภาพรูปจระเข้ตัวหนึ่งซึ่งมีรูปร่างลักษณะผอมโทรมเหมือนจระเข้ขาดสารอาหาร ทำให้คนที่พบเห็นจระเข้หลายคนนั้นต่างรู้สึกไม่สบายใจที่แม้แต่ตัวจระเข้เองนั้นก็ขาดอาหารจนทำให้มีรูปร่างผอมเหมือนจระเข้ไม่มีแรงดังนั้น จึงได้มีการแชร์ รูปจระเข้ที่ มีรูปร่างผอมโซนี้  ต่อๆกันไปเพื่อเป็นการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวนั้นเดินทางมาเที่ยวที่บ่อจระเข้ที่มีการเลี้ยงเอาไว้ที่บึงสีไฟโดยหวังว่า ถ้านักท่องเที่ยวมาให้อาหารจระเข้

ก็จะทำให้พวกมันนั้นกลับมาอ้วนท้วนสมบูรณ์เหมือนเดิมอย่างไรก็ตามเมื่อมีการแชร์ข้อความนี้ออกไปหลายคนนั้นก็พากันสงสารจระเข้กันเป็นอย่างมากโดยบางคนถึงขนาดออกมาพูดว่าชาวบ้านเดือดร้อนไม่มีเงินจะกินข้าวขนาดจระเข้ก็ยังไม่มีอาหารกินจนถึงขนาดกับผอมแห้งเลยทีเดียวซึ่งอย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้เจ้าหน้าที่ประมงพี่ทราบเรื่องราวจากการแชร์ในครั้งนี้ได้ลงไปดูพื้นที่ในเขตบึงสีไฟ

โดยมีพบเห็นจระเข้จำนวนมากที่มีร่างกายผอมแต่จะมีจระเข้อยู่ตัวหนึ่งที่ผอมมากกว่าจระเข้ตัวอื่นเป็นพิเศษจึงได้จับจระเข้ตัวดังกล่าวนั้นจะทำการตรวจสอบปรากฏว่าเมื่อมีการตรวจภายในร่างกายจระเข้ตัวดังกล่าวนั้นพบว่ามีถุงพลาสติกเป็นจำนวนมากอยู่ในท้องของจระเข้จึงทำให้ได้มีการออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่าจระเข้ตัวดังกล่าวนั้นไม่ได้เกิดจากการอดอาหาร

แต่เกิดจากการที่มันกินพลาสติกเข้าไปในท้องเป็นจำนวนมากและพลาสติกไม่ย่อยจึงทำให้มันนั้นเกิดอาการป่วยอย่างไรก็ตามที่บึงสีไฟนี้มีโครงการที่เลี้ยงจระเข้เอาไว้ซึ่งปัจจุบันนี้มีจระเข้ทั้งหมด 84 ตัวด้วยกันแล้วเมื่อมีการสำรวจจระเข้ตัวหนึ่งก็พบว่าบางตัวก็มีรูปร่างอ้วนท้วมปกติและมีทางเจ้าหน้าที่นั้นคอยนำโครงไก่มาโยนให้จระเข้กินอยู่เป็นประจำอยู่แล้วจึงไม่มีจระเข้ตัวไหนนั้นอดอยากอย่างแน่นอนเพียงแต่ว่าจระเข้ตัวที่มีการถ่ายรูปแชร์กันอยู่นั้นกำลังป่วยนั่นเอง

จึงทำให้มีรูปลักษณ์ผิดกับจระเข้ตัวอื่นๆซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองก็ได้มีการถ่ายรูปจระเข้ตัวอื่นมาเป็นหลักฐานให้กับชาวโซเชียลได้เห็นกันว่ามีจระเข้อยู่ในบ่อนั้นจำนวนหลายสิบตัวแต่มีแค่ตัวเดียวเท่านั้นที่มีอาการดังกล่าว อย่างไรก็ตามตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการควบคุมเรื่องของจำนวนประชาชนที่จะเข้าไปให้อาหารจระเข้แล้วโดยพยายามที่จะกำชับนักท่องเที่ยวไม่ให้โยนเศษอาหาร

หรือเศษพลาสติกเข้าไปในบ่อเราว่าจะทำให้จระเข้นั้นกินพลาสติกที่โยนเข้าไปและทางเจ้าหน้าที่ประมงได้ยินยันออกมาแล้วว่าปกติแล้วจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้อาหารจระเข้อยู่แล้วซึ่งการให้อาหารจระเข้ของที่นั้นจะให้อาหาร 1 ครั้งแล้วอยู่ได้ 1 อาทิตย์ทางโครงการประมงได้รับทุนในการเลี้ยงจระเข้ปีละ 5,000 บาท

 

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน pantip

โซเชียลระบุ เมื่อมีคลิปดราม่ากุ้งอบวุ้นเส้นเค็มแล้วเจ้าของร้านไม่พอใจคว่ำโต๊ะทันที

           กำลังเป็นกระแสร้อนแรงในโลกออนไลน์เมื่อมีผู้ใช้ Facebook คนหนึ่งได้มีการโพสต์คลิปวิดีโอเป็นข้อความที่เธอนั้นกำลังทะเลาะวิวาทกับเจ้าของร้านขายอาหารแห่งหนึ่งโดยระบุว่าร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารเก่าแก่ซึ่งเธอกินมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษของเธอเลยทีเดียวโดยในวันที่เกิดเหตุนั้นคือวันที่ 20 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 ซึ่งในคลิปวีดีโอนั้น

จะเห็นว่าเธอมีปากเสียงกับทางเจ้าของร้านผู้ชายและทางด้านเจ้าของร้านก็ไม่พอใจอย่างรุนแรงจึงได้มีการล้มโต๊ะที่เธอกำลังกินข้าวอยู่อย่างไรก็ตามเธอได้มีการเขียนบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเจ้าของร้านว่าในวันดังกล่าวนั้นเธอได้ไปกินอาหารที่ร้านอาหารดังกล่าวโดยเธอนั้นมีการสั่งกุ้งอบวุ้นเส้นมากินโดยสารทั้งหมด 2 หม้อด้วยกัน

ซึ่งระบุว่าหม้อแรกนั้นรสชาติอร่อยปกติดีทุกอย่างแต่อีกหม้อนึงนั้นเธอมีความรู้สึกว่ากุ้งอบวุ้นเส้นค่อนข้างเข้มมากจนเกินไปเธอจึงได้เรียกเจ้าของร้านซึ่งเป็นผู้หญิงมาคุยเกี่ยวกับเรื่องของความเค็มของกุ้งอบวุ้นเส้นอีก 1 หม้อโดยเจ้าของร้านผู้หญิงบอกกับเธอว่าสำหรับกบกุ้งอบวุ้นเส้นหม้อที่เค็มนั้นทางร้านจะไม่คิดเงินและได้ขอโทษโดยระบุว่าอาจจะเป็นที่ซอสหอยเนื่องจากว่าซอสแต่ละยี่ห้อนั้นรสชาติไม่เหมือนกันซึ่งเธอก็ไม่ได้ติดใจอะไรซ้ำยังบอกกับทางเจ้าของร้านด้วยว่าเธอยินดีที่จะจ่ายเงินไปอย่างไรก็ตามทางเจ้าของร้านได้มีการเตรียมห่อกุ้งอบวุ้นเส้นจายที่เค็มนั้น

กลับมาให้เธอเพื่อให้เธอนั้นเอากลับไปกินบ้านซึ่งระหว่างนั้นเธอก็ปรึกษากับแฟนของเธอว่า  เธอจะจ่ายค่ากุ้งอบวุ้นเส้นการที่เค็มแค่เพียงครึ่งราคาเท่านั้นเพราะเธอคิดว่าเธอคงจะไม่เอากุ้งอบวุ้นเส้นกับไปที่บ้านอย่างแน่นอนเนื่องจากว่าเอาไปก็คงไม่ได้กินเพราะรสชาติมันเค็มมากอย่างไรก็ตามอยู่ดีๆก็มีเจ้าของร้านซึ่งเป็นผู้ชายนั้นเดินมาที่โต๊ะของเธอแล้วก็บอกกับเธอและแฟนของเธอว่าให้กินฟรีแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้นและไม่ต้องมากินที่นี่อีกทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจมากเพราะเธอเองก็ยินดีที่จะจ่ายเงินไม่ได้มาขอกินฟรีอยู่แล้วแล้วก็เกิดการทะเลาะกันเกิดขึ้น

และทางเจ้าของร้านนั้นก็ได้ทำการล้มโต๊ะที่เธอนั่งกินอยู่ทำให้เธอไม่พอใจจึงได้มีการมาโพสต์ข้อความนี้บอกให้เพื่อนในโลกออนไลน์ได้รับทราบอย่างไรก็ตามหลังจากที่มีข้อความนี้ใช้ออกมามีหลายกระแสที่ยังไม่ฟันธงว่าจะเป็นความผิดของเจ้าของร้านเพียงคนเดียวเท่านั้นเพราะมองว่าทางฝ่ายลูกค้าเองก็ค่อนข้างที่จะพูดจาไม่สุภาพ

ซึ่งน่าจะมีปัญหากันก่อนหน้านั้นที่ใช้ถ้อยคำไม่สุภาพกันจนทำให้เจ้าของร้านนั้นเกิดอาการไม่พอใจถึงขนาดล้มโต๊ะโดยหลายคนมองว่าร้านค้าเก่าแก่มานานหลายปีหน้าจะมีการดูแลลูกค้าดีกว่านี้ถ้าหากไม่ขาดสติจริงๆก็คงจะไม่มีการล้มโต๊ะลูกค้าอย่างแน่นอนดังนั้นหลายคนจะมองว่าปล่อยลูกค้าอาจจะมีส่วนผิดด้วยกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ซึ่งหลายคนนั้นก็มีการขอดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะมีการรวมตัวกันอีกทีแล้วค่อยมาฟันธงว่าสรุปแล้วใครผิดนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน ถูกกฎหมาย ใน ประเทศไทย